Yield Farming เป็นหนึ่งในหลายวิธีในการรับดอกเบี้ยจากการถือครองเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเป็นการปล่อยกู้เหรียญคริปโตของคุณไปยัง Liquidity Pool และคุณจะได้รับเงินผลตอบแทนต่อปีที่น่าสนใจจากการปล่อยกู้นั่นเอง

ในบทความนี้เราจะรีวิวแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดในปี 2023 ในแง่ของอัตราดอกเบี้ย ความปลอดภัย เงื่อนไขการล็อกเหรียญ โทเค็นที่รองรับ และอื่นๆ

จัดอันดับ 7 แพลตฟอร์มคริปโต Yield Farming ในปี 2023

ลิสต์อันดับแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming คือภาพรวมโดยย่อของแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้เพื่อทำเงินจากคริปโตเคอเรนซี่

  1. OKX แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023
  2. Battle Infinityรับผลตอบแทน 12% ต่อปีด้วย IBAT Battle Stake
  3. eToro แพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแล พร้อมเครื่องมือสร้างดอกเบี้ยคริปโต
  4. DeFi Swap – รับผลตอบแทนต่อปีถึง 75% จาก DeFi Coin
  5. Aqruแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023
  6. Nexoแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุด พร้อมผลตอบแทน 36% ต่อปี
  7. YouHodler – กระดานแลกเปลี่ยนระดับโลกที่สามารถฟาร์มเหรียญได้

เราจะรีวิวแต่ละแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ด้านบนในส่วนถัดไป

รีวิวแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ยอดนิยม

เราได้ศึกษาแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดในปี 2023 และพบว่าแพลตฟอร์มที่เรารีวิวนั้นมีความสมดุลระหว่างความปลอดภัย ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด และเงื่อนไขการล็อกเหรียญที่สมเหตุสมผล 

นอกจากนี้เรายังพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างความใช้งานง่าย การบริการลูกค้า และโทเค็นที่รองรับ 

1. OKX – แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023OKX แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming

OKX เป็นกระดานเทรด  Crypto Yield Farming แห่งปี 2023 ที่มีโอกาสในการสร้างรายได้มากมาย โดยมีให้บริการในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคนทั่วโลก

นักลงทุนสามารถซื้อ, เทรด, แลกเปลี่ยน, Staking, และรับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโต โดยมี ‘OKX Earn’ เป็นร้านค้าเพื่อการสร้างรายได้มากมาย เช่น การลงทุนคู่, การปล่อยกู้แบบ P2P, และ Staking ซึ่งสร้างขึ้นบน OKExChain โปรแกรม Earn มีผลิตภัณฑ์ DeFi หลายรายการร่วมถึงแอพปล่อยกู้ DApps และกระดานแลกเปลี่ยน Decentralized

OKX แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming

ด้วย OKX Pool นักลงทุนจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดได้โดยการเข้าถึงบริการการขุดมากมาย โดยกลไก Proof of Work ก็รองรับเหรียญคริปโต 9 สกุลหลักๆ เช่น Bitcoin พร้อมฟีเจอร์ชั้นนำอย่าง การชำระบัญชีรายวัน ไม่มีการจ่ายขั้นต่ำ และกระแสรายได้ที่มั่นคง

OKX ยังมี Tamadoge (TAMA) เหรียญคริปโตมาใหม่ยอดนิยม ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุดในปี 2023 ทั้งบน CEX และ DEX เพื่อให้นักลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงได้

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ KYC ภายใน 10 นาที นักลงทุนก็จะสามารถเริ่มซื้อขายเหรียญคริปโตด้วยค่าธรรมเนียมเพียง 0.10% ต่อธุรกรรม

ข้อดีของ OKX:

  • มีให้บริการในกว่า 100 ประเทศ
  • โอกาสฟาร์มเหรียญมากมายด้วย ‘OKX Earn’
  • สามารถเข้าถึงเหรียญ DeFi
  • มีโทเค็นยอดนิยมอย่าง Tamadoge (TAMA)
  • มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.10% สำหรับเหรียญคริปโต

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

2. Battle Infinity – รับผลตอบแทน 12% ต่อปีด้วย IBAT Battle StakeBattle Infinity Yield Farming Crypto

Battle Infinity (IBAT) เป็นเกม Play to Earn ที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้เล่นจากการเล่นเกม โดยใช้เหรียญหลักอย่าง IBAT ในการทำธุรกรรมต่างๆ ภายในเกม

หลักซื้อ IBAT บน Decentralzed Exhcange ของแพลตฟอร์ม นักลงทุนจะสามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟได้ผ่าน IBAT Battle

Battle Infinity Yield Farming Crypto

โดยแพลตฟอร์มมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านดอลลาร์หลังเปิดตัว IBAT Battle ด้วยจำนวนโทเค็นทั้งหมดที่ 10 พันล้านโทเค็น และเกือบ 10% ของ IBAT จะถูกล็อกในโปรโตคอล Staking ซึ่งให้ผลตอบแทนต่อปีในระดับสูงแก่นักลงทุน

นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนต่อปี 12% จาก IBAT และสูงยิ่งขึ้นตามระยะเวลาล็อกเหรียญ เช่น 30 วัน จะได้ผลตอบแทน 14% ต่อปี 90 วันจะเพิ่มเป็น 17% ส่วน 180 วัน จะได้รับ 25% ต่อปี และที่ 360 วันจะได้รับ 25% ต่อปี

IBAT ยังสามารถ staking ผ่านฟีเจอร์ P2E อื่นๆ เช่น IBAT Battle Games ร้านค้าเกม P2E NFT แบบผู้เล่นหลายคน

ผู้เล่นสามารถจับคู่เหรียญกับ IBAT เพื่อรับรางวัลจากคู่เหรียญได้ ด้วยแพลตฟอร์มอเนกประสงค์ ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ P2E อย่าง Battle Arena ซึ่งเป็นระบบนิเวศเสมือนที่ตัวละครและไอเท็มจะเป็น NFT ผ่านการใช้งานสัญญาอัจฉริยะ ERC 721

ปัจจุบัน IBAT ซื้อขายอยู่ที่ 0.0035 ดอลลาร์ต่อโทเค็น

ข้อดีของ Battle Infinity:

  • ผลตอบแทน 12% ต่อปีจากการ Staking แบบยืดหยุ่น
  • รับผลตอบแทนสูงสุดที่ 25% จากการล็อกเหรียญ
  • 10% ของโทเค็นทั้งหมดถูกล็อก
  • เกม P2E NFT

3. eToro – แพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแล พร้อมเครื่องมือสร้างดอกเบี้ยคริปโตeToro

eToro ได้รับการกำกับโดย SEC, ASIC, FCA และ CySEC ซึ่งให้คุณได้รับดอกเบี้ยแบบพาสซีฟได้ผ่านเครื่องมือ Staking อัตโนมัติที่สร้างรายได้จากโทเค็นที่อยู่ในบัญชี eToro ของคุณ

eToro มีบริการ Staking เหรียญคริปโต Cardano, Ethereum, และ Tron ซึ่งไม่มีระยะเวลาล็อกเหรียญขั้นต่ำ ทั้งยังมีเครื่องมือสร้างดอกเบี้ยที่ยืดหยุ่น และเป็นโบรกเกอร์และกระดานเทรดที่ราคาไม่แพงอีกด้วย

eToro

eToro ให้คุณซื้อเหรียญคริปโตจากค่าสเปรดเพียง $10 เท่านั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากเงินเป็นสกุลดอลลาร์หรือจากการฝากโทเค็นลงใน eToro crypto wallet แต่อย่างใด

eToro ยังเหมาะกับผู้ใช้บนมือถือ ด้วยแอพ crypto wallet ที่ให้คุณเข้าถึงคู่เหรียญคริปโตกว่า 500 คู่ พร้อมบริการ copy trading เพื่อให้คุณเทรดเหรียญคริปโตได้แบบพาสซีฟอีกด้วย

ข้อดีของ eToro:

  • ได้รับการกำกับดูและโดย SEC, FCA, CySEC และ ASIC
  • รับดอกเบี้ยอัตโนมัติจากโทเค็นที่รองรับ
  • ถอนโทเค็นได้ทุกเมื่อ
  • รองรับการซื้อเหรียญคริปโตแบบสเปรดและเครื่องมือ copy trading

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

4. DeFi Swap – รับผลตอบแทนต่อปีถึง 75% จาก DeFi CoinDeFi-Swap-Logo

DeFi Swap เป็นแพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโตและแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 75% ต่อปี กุญแจสำคัญที่ทำให้ DeFi Swap มีผลตอบแทนสูงคือโทเค็นหลัก DeFi Coin (DEFC) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลเดียวที่สามารถ Staking ได้บนแพลตฟอร์ม ระยะเวลาล็อกเหรียญ 30 วัน จะให้ผลตอบแทนที่ 30% และถ้าล็อกเหรียญไว้ 1 ปีก็จะได้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะฟาร์มเหรียญที่ไหนดี? ในฐานะแพลตฟอร์มฟาร์มเหรียญแห่งปี 2023 DeFi Swap ก็คือคำตอบ ซึ่งให้บริการ Decentralized Exchange และ DeFi เต็มรูปแบบ คุณสามารถสลับเป็น DeFi Coin ได้โดยใช้เหรียญคริปโตหลักๆ แทบทุกสกุล รวมถึง Stablecoin ส่วนใหญ่ ที่สำคัญ DeFi Swap ยังเปิดเผยว่าจะเป็น Decentralized Finance ดังนั้นนักลงทุนรายแรกๆ อาจได้รับอัตราผลตอบแทนจากการฟาร์มเหรียญได้ในอนาคต

Defi Swap แพลตฟอร์มคริปโต yield farming yield farming ที่ไหนดี

ตอนนี้ DeFi Swap มีให้บริการทางออนไลน์และแอพ คุณเพียงต้องเชื่อมต่อ Crypto Wallet ของคุณเพื่อเงื่อนไขการ Staking และอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น

ข้อดีของ DeFi Swap:

  • รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 75% ต่อปี
  • ระยะเวลา Staking 30, 90, 180 หรือ 365 วัน
  • เหรียญคริปโตส่วนใหญ่สามารถแปลงเป็น DeFi Coin ได้
  • แพลตฟอร์ม Decentralized เต็มรูปแบบ

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

5. AQRU – แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2023aqru

AQRU มีอินเทอร์เฟซที่ยอดเยี่ยมและให้อัตราผลตอบแทนติดอันดับหนึ่งในแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุด โดย AQRU รองรับทั้ง Stablecoins และเหรียญคริปโตยอดนิยมโดยไม่มีระยะเวลาล็อกเหรียญ มีเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อปี (APY) 12% จากเหรียญ USDT, USDC และ DAI การฟาร์มเหรียญ BTC และ ETH จะให้ผลตอบแทนที่ 7% ต่อปี

นอกจากนี้ยังไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงนอกจากค่าธรรมเนียมการถอนที่ $20 AQRU จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือเหรียญคริปโตระยะยาว นอกเหนือจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเก็บเหรียญคริปโตของตนให้ปลอดภัยได้เนื่องจาก AQRU มีการควบคุมและความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม

Aqru แพลตฟอร์มคริปโต yield farming yield farming ที่ไหนดี

Accru Finance เป็นเจ้าของ AQRU ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในอังกฤษและเวลส์ ระบบ Crypto Wallet บนแพลตฟอร์มก็ได้รับการรักษาความปลอดภัยโดย Fireblocks ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน Wallet ชั้นนำ เพื่อให้บัญชี Yield Farming ของคุณปลอดภัย และในกรณีที่ทรัพย์สินถูกขโมย ก็มีนโยบายชดเชยความเสียหายกว่า 30 ล้านดอลลาร์จากการโดนโจรกรรม

เงินฝากปล่อยกู้ขั้นต่ำบน AQRU คือ $100 และปัจจุบันก็ไม่มีขั้นต่ำในการถอนตราบเท่าที่ผู้ใช้สามารถชำระค่าธรรมเนียมการถอนได้

ข้อดีของ Aqru:

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อเหรียญคริปโต
  • อัตราสูงผลตอบแทนสูง
  • ไม่มีระยะเวลาการล็อกเหรียญ
  • ทำธุรกรรมได้รวดเร็ว

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

6. Nexo – แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุด พร้อมผลตอบแทน 36% ต่อปี

หากนักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะ Stake เหรียญที่ไหนดีให้ได้ผลตอบแทนสูง เราก็ขอแนะนำ Nexo แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ให้ผลตอบแทนถึง 36% ต่อปีจากเหรียญ Axie Infinity Shards (AXS) ส่วน Stablecoin จะให้อัตราผลตอบแทนสูงสุดที่ 17% ต่อปีจาก TerraUSD (UST) โดยจะให้รางวัลเป็นโทเค็น NEXO

Nexo ยังมีระยะเวลาการล็อกเหรียญแบบยืดหยุ่นและแบบกำหนดเวลา ซึ่งแบบยืดหยุ่นไม่ได้เสนอเพียงแค่อัตราดอกเบี้ยที่สูงเมื่อเทียบกับการล็อกเหรียญแบบกำหนดระยะเวลา แต่ยังช่วยให้คุณสามารถถอนเงินได้อย่างอิสระ Nexo กล่าวว่า 72% ของผู้ใช้ในแพลตฟอร์มกำลังวางแผนที่จะล็อกเหรียญคริปโตของตนเป็นเวลาสามปีหรือมากกว่านั้น

Nexo ฟาร์มเหรียญที่ไหนดี

 แม้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Nexo Earn จะยังไม่พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้าในบางประเทศ แต่ผู้ใช้ยังคงสามารถซื้อ แลกเปลี่ยน และจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม Nexo และ Nexo Wallet App ได้ ผู้ที่ต้องการใช้ Nexo ในการฟาร์มเหรียญก็สามารถทำได้โดยเชื่อมต่อ Nexo Wallet กับแพลตฟอร์มเท่านั้น

นอกจากนี้แพลตฟอร์ม Nexo จะมอบความคุ้มค่าอย่างมาก ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทบต้น รายได้ที่ยืดหยุ่น ค่าธรรมเนียมเป็นศูนย์ และความปลอดภัยระดับสูง และมีศักยภาพเพียงพอในการเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุด โดยตอนนี้ก็มีการจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 200 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ใช้มากกว่า 3.5 ล้านราย พร้อมทั้งรองรับเหรียญ Yield Farming กว่า 32 สกุล

ข้อดีของ Nexo:

  • ให้ดอกเบี้ยทบต้นทุกวัน
  • มีระยะเวลาการล็อกแบบกำหนดวันและยืดหยุ่น
  • มีแอพมือถือ

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

7. YouHodler – กระดานแลกเปลี่ยนระดับโลกที่สามารถฟาร์มเหรียญได้

แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming จากสวิตเซอร์แลนด์ YouHodler ได้รับความนิยมมากขึ้นจากเงื่อนไขการ Yield Farming อันน่าดึงดูด มีอินเทอร์เฟซถูกออกแบบมาอย่างดี และปลอดภัยสูง นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 แพลตฟอร์ม YouHodler ก็มีผู้ใช้งานมากกว่า 150,000 รายใน 200 ประเทศทั่วโลก

การรักษาความปลอดภัยบน YouHodler นั้นยอดเยี่ยมมาก เหรียญคริปโตจะปลอดภัยจากเทคโนโลยี Hot Wallet และ Cold Wallet ผสมกันกับ Ledger Vault ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ที่มีเงินมากกว่า $10,000 ในบัญชีก็สามารถใช้ ‘3-factor authentication’ เพื่อระงับการถอนเงินได้อีกด้วย

YouHodler ฟาร์มเหรียญที่ไหนดี

YouHodler มีชื่อเสียงในด้านตัวเลือกการ Yield Farming ที่ให้ผลตอบแทนดีเยี่ยม โดยรองรับเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ 50 อันดับแรก พร้อมให้ดอกเบี้ยสูงถึง 15% รางวัลสำหรับการถือครอง Stablecoins สูงถึง 12.3% (ไม่รวมการทบต้น) และ Bitcoin สามารถให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.8% ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละสินทรัพย์ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบอัตราผลตอบแทนอีกครั้งก่อนลงทะเบียน

YouHodler เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการฟาร์มเหรียญ และยังเปิดให้ใช้งานในประเทศไทย ด้วยสินทรัพย์ที่แพลตฟอร์มรองรับมากมาย ค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส และเงื่อนไขที่เข้าใจง่าย YouHodler จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในฐานะแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล

Yield Farming คืออะไร? 

Yield Farming คือการที่คุณ stake หรือปล่อยกู้เหรียญคริปโตของคุณเพื่อสร้างผลตอบแทนแบบพาสซีฟและรับรางวัล โดย Decentralized Finance หรือเรียกสั้นๆ ว่า DeFi ได้รับแรงผลักดันเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การขุดสภาพคล่องเหรียญคริปโต

Yield Farming สร้างผลตอบแทนได้ยังไง?

Yield Farming สร้างผลตอบแทนได้จากการรับดอกเบี้ย คุณจะใช้งานแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming เพราะคุณต้องการสร้างดอกเบี้ยจากสินทรัพย์เหรียญคริปโตของคุณเอง

วิธีนี้คล้ายกับการฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์แบบดั้งเดิมที่ให้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี (APY) จากเงินของคุณ

แต่ก็ห้ามเข้าใจผิดเด็ดขาด แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming นั้นซับซ้อนกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปมาก แต่ความเสี่ยงก็สูงกว่ามากเช่นกัน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดอ่านบทความบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ดีที่สุดของเรา

และด้วยเหตุนี้เราจะอธิบายว่า Yield Farming ทำงานอย่างไร เพื่อให้คุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีการทำงานของแพลตฟอร์มดังกล่าว

อธิบายพื้นฐานการฟาร์มเหรียญ

ในช่วงเริ่มต้นของการฟาร์มเหรียญคริปโต คุณจะต้องฝากเงินเข้าลงในแพลตฟอร์มที่คุณเลือก โดยเหรียญคริปโตจะถูกฝากไปยังผู้ที่ช่วยบริหารสภาพคล่องผ่านสัญญาอัจฉริยะ

และด้วยเหตุนี้การฟาร์มเหรียญจึงไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่สามเพื่อสร้างดอกเบี้ย เนื่องจากสัญญาอัจฉริยะทำงานแบบกระจายอำนาจ

crypto yield farming คืออะไร การฟาร์มเหรียญ คืออะไร

ดังนั้น Liquidity Pool ที่เหรียญคริปโตของคุณถูกฝากเข้าไปทำให้ผู้คนสามารถยืมเหรียญได้ อาจนำไปเก็งกำไรหรือในหลายๆ กรณีก็เพื่อเข้าถึงสภาพคล่อง

ท้ายที่สุดแล้ว เหรียญคริปโตมาใหม่ก็มักจะต้องการระดับสภาพคล่องเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายในโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายนั่นเอง

ผลตอบแทนต่อปี 

ในแง่ของจำนวนเงินที่คุณสามารถทำได้เมื่อฟาร์มเหรียญ สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยคุณจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญคริปโตที่คุณฝากไว้นั่นเอง

  • ตัวอย่างเช่น หากสัญญาอัจฉริยะให้สภาพคล่องสำหรับเหรียญคริปโตมาใหม่ซึ่งมีมูลค่าตลาดเพียงเล็กน้อย ก็มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนต่อปีสูง
  • ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่โทเค็นจะให้ผลตอบแทนในระดับสูง
  • ในทางกลับกัน หากคุณกำลังฝากเหรียญเข้า Yield Farming Pool ที่ให้สภาพคล่องสำหรับโปรเจกต์มูลค่าสูง ก็คาดได้ว่าผลตอบแทนต่อปีจะต่ำกว่ามาก

นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกในเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทน ตราบเท่าที่ผลตอบแทนต่อปียิ่งสูง ความผันผวนของราคาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยเราจะอธิบายเพิ่มเติมทีหลัง

คู่เหรียญ Yield Farming 

สิ่งสำคัญคือต้องรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ก็คือแต่ละ Liquidity Pool จะมีคู่เหรียญต่างกัน

  • สมมติว่าสัญญาอัจฉริยะฝากเหรียญเข้า Pool คู่เหรียญ BTC/ETH
  • ในการทำเช่นนี้คุณก็กำลังสร้างสภาพคล่องให้กับทั้ง Bitcoin และ Ethereum ซึ่งจะทำให้มีระดับเงินทุนที่เพียงพอในคู่เหรียญดังกล่าว
  • ในตัวอย่างนี้สภาพคล่องน่าจะถูกจัดหาให้กับกระดานแลกเปลี่ยนที่รองรับคู่เหรียญ BTC/ETH

และด้วยเหตุนี้เมื่อคุณมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming คุณก็ต้องพิจารณาระดับความผันผวนของทั้งสองเหรียญด้วยเช่นกัน

เหรียญผลตอบแทน 

เมื่อคุณฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์แบบดั้งเดิม ก็จะมีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นสกุลเงินนั้นๆ ตัวอย่างเช่น การฝากเงิน $1,000 เข้าบัญชีออมทรัพย์ Wells Fargo ที่ให้ผลตอบแทน 1% ต่อปี คุณก็จะได้ดอกเบี้ย $10 ต่อปี

แต่ในกรณีของแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ก็จะมีความแตกต่างที่ชัดเจนสองสามข้อที่ควรพิจารณา

  • ข้อแรก การจ่ายดอกเบี้ยของคุณจะถูกจ่ายเป็นเหรียญคริปโต ไม่ใช่สกุลเงินทั่วไป
  • ข้อสอง อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเหรียญคริปโตที่คุณจะได้รับ
  • สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่คุณตัดสินใจใช้เป็นส่วนใหญ่
  • ตัวอย่างเช่น หาก แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ทำงานบน Binance Smart Chain ผลตอบแทนของคุณอาจถูกจ่ายเป็น BNB
  • แต่แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming อาจจ่ายผลตอบแทนให้คุณเป็นโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในการค้นหาแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ดีที่สุดตามความต้องการของคุณ

ระยะเวลาล็อกเหรียญ 

เราได้พูดถึงระยะเวลาล็อกเหรียญหลายครั้งตลอดบทความนี้ โดยสรุป นี่หมายถึงระยะเวลาที่คุณจะต้องล็อกเหรียญคริปโตของคุณก่อนที่จะสามารถถอนเหรียญได้

  • ตัวอย่างเช่น Crypto.com ให้ผลตอบแทนใน Stablecoin สูงถึง 14% ต่อปี เมื่อคุณล็อกโทเค็นเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน (และมีข้อกำหนดบังคับ Staking CRO)
  • ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับเงินลงทุนหลักคืนจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาล็อกเหรียญ
  • แต่จากที่กล่าวมา แพลตฟอร์มอย่าง Nexo ก็ค่อนข้างยืดหยุ่น
  • ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องล็อกโทเค็นตามระยะเวลาที่กำหนด ด้วยเหตุนี้คุณจึงสามารถถอนโทเค็นออกจากแพลตฟอร์มได้ทุกเมื่อ

เงื่อนไขการล็อกที่กำหนดโดยแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่คุณเลือกเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนใช้งาน

ท้ายที่สุด หากคุณต้องการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ แต่โทเค็นของคุณถูกล็อกไว้ในสัญญาอัจฉริยะ คุณก็จะไม่มีทางถอนเหรียญได้จนกว่าจะผ่านระยะเวลาล็อกเหรียญขั้นต่ำนั่นเอง

ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย 

สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกประการหนึ่งในการเลือกแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดคือระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย

ซึ่งหากคุณไม่แน่ใจว่าจะ Yield Farming ที่ไหนดี แพลตฟอร์มอย่าง DeFi Swap ก็จ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเมื่อที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถลงทุนฟาร์มเหรียญได้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น

ในทางกลับกัน บางแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming จะแจกจ่ายดอกเบี้ยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถเข้าถึงเหรียญใดๆ ได้ รวมถึงรางวัลและเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก

Yield Farming สร้างผลตอบแทนได้หรือไม่?

จุดประสงค์หลักในการใช้งานแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming คือเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า Yield Farming ทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด?

คำตอบนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยมากมาย เนื่องจากมีตัวแปรมากเกินไป ตัวอย่างเช่น สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือผลตอบแทนต่อปีที่คุณจะได้รับเมื่อปล่อยกู้เหรียญคลิปโตใน Liquidity Pool

โดยพื้นฐานแล้ว หากคุณปล่อยกู้เหรียญคริปโตมูลค่า $2,000 ที่ผลตอบแทน 10% ต่อปี ในเวลา 12 เดือน พอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น $200

Yield Farming สร้างผลตอบแทนได้หรือไม่? Yield Farming Crypto

อย่างไรก็ตาม การฟาร์มเหรียญก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้นเสมอไป เนื่องจากรางวัลของคุณจะได้รับเป็นโทเค็นเหรียญคริปโต ซึ่งแตกต่างจากเงินสดทั่วๆ ไป

ด้วยเหตุนี้คุณต้องพิจารณาถึงมูลค่าของโทเค็นดิจิทัลที่กำลังลงทุนและ ได้รับเนื่องจากดอกเบี้ยจะขึ้นลงไปตามกลไกตลาด

มาดูตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น:

  • เราจะบอกว่าคุณตัดสินใจลงทุนใน Ethereum Pool ที่ให้ผลตอบแทน 6% ต่อปี
  • คุณลงทุนทั้งหมด 1 ETH ซึ่ง ณ เวลาที่ฝากนั้นมีมูลค่า $3,000
  • 12 เดือนถัดมา การลงทุน 1 ETH ของคุณสร้างรายได้ 0.06 ETH เป็นดอกเบี้ย ทำให้ยอดเงินรวมของคุณเป็น 1.06 ETH
  • จากราคา $3,000 ณ เวลาที่ลงทุน 12 เดือนก่อนหน้า ยอดเงินของคุณ 1.06 ETH จะมีมูลค่า $3,180
  • แต่ขณะนี้ Ethereum ซื้อขายที่ $4,000 ต่อโทเค็น ยอดคงเหลือ 1.06 ETH ของคุณตอนนี้จึงมีมูลค่า $4,240

ตามตัวอย่างข้างต้น จุดประสงค์หลักของการฟาร์มเหรียญคริปโตไม่ใช่แค่เพื่อรับผลตอบแทนต่อปีที่น่าสนใจเท่านั้น แต่มูลค่าของโทเค็นที่เกี่ยวข้องยังเพิ่มขึ้นในตลาดด้วยเช่นกัน

หากเป็นไปตามนี้คุณก็จะได้รับเงินจากทั้งดอกเบี้ยและผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม หากมูลค่าของโทเค็นลดลงในขณะที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming การลงทุนของคุณก็อาจมีมูลค่าต่ำกว่า ณ เวลาที่ถอนเช่นกัน

ฟาร์มเหรียญคริปโตอะไรได้บ้าง?

ดังที่เราได้กล่าวไว้สั้นๆ ก่อนหน้านี้ว่าแทบไม่มีการจำกัดจำนวนของสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถนำไปฟาร์มเหรียญได้

นี่เป็นหัวใจหลักของการฟาร์มเหรียญคือเพื่อจัดหาคู่เหรียญเฉพาะที่มีสภาพคล่องเพียงพอ

และเมื่อคุณพิจารณาว่าคู่เหรียญคริปโตทั้งหมดนั้นต้องการสภาพคล่องเพื่อจุดประสงค์ในการจัดหาภาวะตลาดที่เหมาะสม นั่นหมายความว่าคุณจะมีตัวเลือกมากมายในการเลือกโทเค็น

จากที่กล่าวมา Liquidity Pool ต่างๆ ที่โทเค็นของคุณฝากเข้าไปจะส่งผลอย่างมากต่อดอกเบี้ยที่คุณสามารถทำได้

ตัวอย่างเช่น:

  • หากคุณต้องการสร้างสภาพคล่องในคู่เหรียญหลักๆ เช่น ETH/BTC หรือ BNB/ETH ผลตอบแทนต่อปีก็จะค่อนข้างธรรมดา
  • อย่างไรก็ตาม หากเพิ่มเงินทุนใน Liquidity Pool ที่มีสภาพคล่องน้อย เช่น AAVE/ETH ก็สร้างอัตราดอกเบี้ยได้สูงยิ่งขึ้น
  • หากเป็น Liquidity Pool ของเหรียญคริปโตมาใหม่ซึ่งมีมูลค่าตลาดเพียงเล็กน้อย คุณก็อาจได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง

เหรียญคริปโตที่คุณตัดสินใจฟาร์มควรขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงระยะยาวของการฟาร์มเหรียญคือต้องกระจายความเสี่ยงลงในคู่เหรียญต่างๆ

การฟาร์มเหรียญเสียภาษีหรือไม่?

คุณคงทราบดีว่าหลายประเทศจะเก็บภาษีกำไรจากเหรียญคริปโตในรูปของกำไรจากการลงทุน หรือหากคุณซื้อ Ethereum มูลค่า 1,000 ดอลลาร์และถอนเงินออกมาที่ 1,500 ดอลลาร์ ก็อาจจะมีการเก็บภาษีจากกำไร 500 ดอลลาร์ที่คุณทำได้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องจ่ายภาษีสำหรับกำไรใดๆ ที่คุณได้รับจากดอกเบี้ย เช่น การฟาร์มเหรียญคริปโต โดยจะขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ ภาษีดังกล่าวอาจถูกเก็บภาษีในลักษณะเดียวกับรายได้ที่ได้จากบัญชีดอกเบี้ยหรือการจ่ายเงินปันผล

จากที่กล่าวมา ภาษีที่มาจากเหรียญคริปโต โดยเฉพาะกับการทำฟาร์มเหรียญนั้นมีความซับซ้อนสูง ด้วยเหตุนี้จึงควรพูดคุยกับที่ปรึกษาที่ผ่านการรับรองซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาษีสกุลเงินดิจิทัล

Yield Farming vs Staking

มักมีความเข้าใจผิดว่า Yield Farming กับ Staking คือสิ่งเดียวกัน แม้ทั้งสองกลไกจะช่วยให้คุณสร้างดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานของคุณ แต่ก็มีข้อแตกต่างบางประการ

นั่นก็คือสถานที่ที่โทเค็นของคุณถูกฝาก

  • ในกรณีของ  Yield Farming เหรียญคริปโตของคุณจะถูกฝากไว้ในสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งจะกระจายเงินของคุณไปยัง Liquidity Pool
  • ส่วนการ Staking เหรียญคริปโต โดยปกติแล้ว เหรียญคริปโตของคุณจะถูกฝากโดยตรงลงในเครือข่าย Blockchain นั้นๆ

มีข้อดีและข้อเสียในทั้งการ Staking และ Yield Farming ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าแบบใดดีที่สุดสำหรับเป้าหมายการลงทุนและการความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

crypto yield farming APYs อัตราผลตอบแทนต่อปี

ตัวอย่างเช่น การ Staking อาจปลอดภัยกว่า Yield Farming เนื่องจากโทเค็นถูกล็อกบนเครือข่าย  Blockchain ซึ่งตรงข้ามกับสัญญาอัจฉริยะบุคคลที่สาม

แต่นั่นหมายความว่าการ Staking จะให้ผลตอบแทนต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณ Staking เหรียญคริปโต คุณก็สามารถทำได้บนเครือข่าย Blockchain ที่ใช้กลไก Proof of Stake

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว Yield Farming จะรองรับเหรียญคริปโตทุกสกุล

Yield Farming ปลอดภัยหรือไม่?

ก่อนเริ่มต้นฟาร์มเหรียญคริปโต สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงความเสี่ยง

เมื่อคุณพิจารณาว่า Liquidity Pool จำนวนมากได้เสนอผลตอบแทนต่อปีสูง แต่ความเสี่ยงในการขาดทุนก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป

ความเสี่ยงหลักๆ จากแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดมีดังนี้:

ความผันผวนของราคาโทเค็น

ความเสี่ยงแรกที่คุณต้องพิจารณาเมื่อใช้งานแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ก็คือมูลค่าตลาดของโทเค็น

ตัวอย่างเช่น:

  • สมมติว่าคุณลงทุน $1,000 ใน Liquidity Pool ของโทเค็นมาใหม่ ซึ่งให้ผลตอบแทน 50% ต่อปี
  • หลังสิ้นปีแรก คุณจะมีโทเค็นเพิ่มขึ้น 50% จากที่คุณเริ่มลงทุนในช่วงต้น
  • ตามทฤษฎีแล้ว หมายความว่าตอนนี้เงิน 1,000 ดอลลาร์ของคุณมีมูลค่า 1,500 ดอลลาร์
  • อย่างไรก็ตาม หากมูลค่าของโทเค็นนั้นๆ ลดลง 80% การลงทุนเดิมของคุณก็จะมีมูลค่าน้อยลงอย่างมาก

เนื่องจากโทเค็นมูลค่า $1,500 ของคุณจะมีมูลค่าตลาดเพียง $300 เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้จึงอาจเป็นการดีที่สุดที่จะลงทุนเฉพาะใน Liquidity Pool ของเหรียญยอดนิยมและมีมูลค่าตลาดสูง

แม้ว่ามูลค่าอาจจะลดลงในขณะที่คุณฟาร์มเหรียญ แต่ความเสี่ยงของเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะลดลงไปเมื่อเทียบกับโปรเจกต์ที่มีสภาพคล่องน้อยนั่นเอง

ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม

แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดจำนวนมากเป็นแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม ไม่ว่าแพลตฟอร์มจะทำงานแบบ Centralized หรือ Decentralized ก็ตาม คุณต้องจำไว้ว่าเหรียญคริปโตของคุณจะมีความเสี่ยงตลอดเวลา

  • ตัวอย่างเช่น หากนำเงินไปลงทุนในแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming แสดงว่าคุณไว้วางใจนำเหรียญของคุณไปฝากไว้กับแพลตฟอร์มนั้นๆ 
  • ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มจะรักษาเหรียญของคุณให้ปลอดภัยและห่างไกลจากภัยคุกคามของแฮกเกอร์
  • คุณต้องไว้วางใจด้วยว่าแพลตฟอร์มแบบ Centralized นั้นจะจ่ายดอกเบี้ยให้คุณ และให้คุณถอนเหรียญออกได้ตลอดเวลา

ในกรณีของแพลตฟอร์มแบบ Decentralized ข้อตกลงของคุณจะได้รับการปฏิบัติตามสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งแม้ว่าสัญญาอัจฉริยะจะไม่สามารถถูกดัดแปลงและโปร่งใส แต่ก็ไม่สามารถป้องกันความผิดพลาดได้ 100%

เราหมายความว่ามีโอกาสที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจะพบช่องโหว่ได้ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น เหรียญคริปโตของคุณก็อาจตกอยู่ในความเสี่ยงนั่นเอง

การหลอกลวง 

ในแวดวงคริปโต การหลอกลวงนั้นหมายถึงโปรเจกต์คริปโตที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกเอาเงินลงทุน

สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อนักพัฒนาที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์หนีไปพร้อมกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่รวบรวมได้ระหว่างแคมเปญระดมทุน

และด้วยเหตุนี้การลงทุนในโปรเจกต์แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่เป็นการหลอกลวง คุณก็อาจสูญเสียเงินทั้งหมดจากการลงทุนนั่นเอง

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุนในแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ก็คือเรื่องสภาพคล่อง

ซึ่งเราหมายความว่า Pool นั้นๆ มีระยะเวลาล็อกเหรียญขั้นต่ำ คุณก็จะไม่สามารถเข้าถึงเหรียญของคุณได้จนกว่าระยะเวลาการล็อกจะสิ้นสุด

สิ่งนี้อาจเป็นปัญหาอย่างมากหากคุณต้องการเข้าถึงเหรียญโดยด่วน แต่เหรียญกลับถูกล็อกไว้ใน Liquidity Pool นั่นเอง

บทสรุป

ในบทความเรื่องแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming นี้ได้อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียในการฟาร์มเหรียญคริปโต

ประเด็นสำคัญคือแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดในตลาดช่วยให้คุณได้รับผลประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและยืดหยุ่น

แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming โดยรวมที่ดีที่สุดคือ OKX ซึ่งเป็นโอกาสสร้างรายได้แบบพาสซีฟมากมายผ่านการ Staking, การปล่อยกู้แบบ P2P, และตัวเลือกในการสร้างรายได้จากเหรียญ DeFi โดยมีนักลงทุนกว่า 20 ล้านคน และคุณสามารถซื้อ Tamadoge (TAMA) ได้ ซึ่งเป็นเหรียญยอดนิยมที่ระดมทุนได้ $19 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซลล์

OKX แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุด

สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming

Crypto Yield Farming คืออะไร?

Crypto Yield Farming คุ้มค่าหรือไม่?

แพลตฟอร์ม Crypto Yield Farming ที่ดีที่สุดคืออะไร?

รับผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตอย่างไร?

เหรียญคริปโตที่ดีที่สุดในการฟาร์มเหรียญคืออะไร?

Crypto Yield Farming ดีกว่าการ Staking หรือไม่?