การ Staking เหรียญคือกระบวนการ “ล็อก” เหรียญคริปโตในระยะเวลาหนึ่งเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ โดยคุณจะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนจากการ Staking เหรียญ
ในคู่มือนี้ เราไม่เพียงแค่จะรีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 แต่เราจะอธิบายแบบง่ายๆ ว่าการ staking เหรียญคริปโตในตลาดบล็อกเชนนั้นทำงานอย่างไร
รายการแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ ได้แก่ 13 แพลตฟอร์มด้านล่าง
- Bitcoin BSC – โทเค็น Staking บน Binance Smart Chain ที่จ่ายรางวัลทุก ๆ 10 นาที ตอนนี้อยู่ในช่วงพรีเซลล์ โดยสามารถระดมทุนได้ 30,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งวันหลังจากเปิดตัว พร้อมใช้กลไก Proof-of-Stake สำหรับโมเดลการทำธุรกรรมที่ประหยัดพลังงานและคุ้มค่าที่สุด
- Meme Kombat – โทเค็นการปักหลักบน Binance Smart Chain ที่จ่ายรางวัลทุก ๆ 10 นาทีอยู่ในการขายล่วงหน้าแล้ว
- TG.Casino – ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มเกมแบบกระจายอำนาจบนบล็อกเชนใหม่ที่น่าสนใจ ที่ให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การพนันที่โปร่งใสและยุติธรรมที่พิสูจน์ได้
- OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม
- eToro – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำ – เป็นมิตรกับมือใหม่ด้วยผลตอบแทนอันยอดเยี่ยม
- Origin Dollar – Stablecoin ที่ให้ผลตอบแทนเหรียญแรกของ DeFi
- DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง
- ZenGo – Crypto Wallet ยอดนิยมสำหรับบัญชีกู้, Staking, และดอกเบี้ย
- Crypto.com – แพลตฟอร์ม Staking Crypto เพื่อการถอนเหรียญแบบยืดหยุ่น
- MyCointainer – หนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ให้รางวัลมากที่สุดในตลาด
- Coinbase – กระดานเทรดยอดนิยมที่รองรับบริการ Staking Crypto
- Binance – แพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเพื่อรับรางวัล Staking มหาศาล
- LooksRare – รับผลตอบแทนสูงถึง 221% ต่อปีสำหรับการ Staking เหรียญ LOOKS
เว็บไซต์ Staking เหรียญคริปโตด้านบนต่างมีศักยภาพยอดเยี่ยม โดยเราจะอธิบายว่าทำไม
รีวิวแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
การค้นหาแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปีนี้ เราจะเน้นที่เกณฑ์เฉพาะจากมุมมองของนักลงทุน ซึ่งจะรวมถึงตัวชี้วัด เช่น ผลตอบแทน เงื่อนไขการล็อก และจำนวนโทเค็นที่รองรับ
ในแง่ของความปลอดภัย เราได้ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มนั้นๆ มีการกำกับดูแลหรือไม่ และใช้งานระบบแบบใดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะลงทุนในเหรียญคริปโตได้อย่างปลอดภัย
แพลตฟอร์ม Staking เหรียญที่เราได้รีวิว ได้แก่
1. Bitcoin BSC – เหรียญคริปโต Staking มาแรงบน Binance Smart Chain พร้อมระดมทุนได้เกือบ 30,000 ดอลลาร์ในหนึ่งวัน
Bitcoin BSC (BTCBSC) เป็นเหรียญคริปโต Staking มาใหม่บน Binance Smart Chain ที่ให้รางวัลทุกๆ 10 นาที
ตอนนี้โทเค็นอยู่ในช่วงพรีเซลล์ และมีอุปทานหมุนเวียนเริ่มต้นมากกว่า 6 ล้านโทเค็นในราคาเพียง 0.99 ดอลลาร์เท่านั้น
เหมือนกันกับอุปทานสูงสุดของ Bitcoin เหรียญ BTBSC จะมีอุปทานสูงสุด 21 ล้านโทเค็น โดยพรีเซลล์เปิดตัวด้วยโทเค็นสี่ล้านโทเค็นและจะจัดสรรเพิ่มอีก 2.125 ล้านหากมีคนเข้าร่วมมากขึ้น
BTTBSC เสนอผลประโยชน์จากการ Staking ที่น่าสนใจและมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างมั่นคงตัวอย่างเช่น BTC20 ซึ่งเป็นโทเค็น Staking ที่คล้ายกันอีกสกุลที่เปิดตัวบน Ethereum เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเริ่มขายโทเค็นมูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ และราคาก็พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 700% หลังเข้ากระดานเทรด Uniswap
ในขณะที่เขียนบทความนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวระดมทุนได้เกือบ 30,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งวันหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
แตกต่างจาก Bitcoin ซึ่งใช้ระบบ Proof-of-Work ที่ใช้พลังงานสูง แต่ BTBSC ทำงานภายใต้กลไก Proof-of-Stake ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถรับโทเค็นได้มากขึ้นเพียงแค่ล็อกโทเค็น BTTBSC ของคุณไว้ในสัญญา ซึ่งเป็นเทคนิคที่มักส่งเสริมให้ลงทุนในเหรียญระยะยาว
ยิ่งคุณถือโทเค็น BTTBSC ในสัญญามากเท่าไร ผลตอบแทนของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยรางวัลเหล่าที่ว่าจะสอดคล้องกับโครงสร้างรางวัลบล็อกดั้งเดิมของ Bitcoin และจะจ่ายเหรียญทุกๆ 10 นาทีพร้อมกับการยืนยันบล็อกแต่ละครั้ง
เอกสารข้อมูล BSC Bitcoin ระบุว่า 69% ของอุปทานโทเค็นทั้งหมด ซึ่งมีจำนวน 14.455 ล้านโทเค็น ได้รับการจัดสรรเพื่อการ Staking โดยกองรางวัลจะค่อยๆ ปลดล็อกในระยะเวลา 120 ปี ซึ่งเป็นการทำตามกลยุทธ์ระยะยาวของ Bitcoin นั่นเอง
ทางโปรเจ็กต์เสนอผลตอบแทนต่อปีมากกว่า 21,000% ในตอนนี้ ทำให้เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในช่วงแรก โดยผลตอบแทนต่อปีมีแนวโน้มที่จะลดลงเมื่อการ Staking ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ซื้อในช่วงแรกๆ แน่นอน
นอกจากนี้ ด้วยการใช้งาน Binance Smart Chain ก็จะทำให้มั่นใจได้ว่าโทเค็นจะทำธุรกรรมได้รวดเร็วและคุ้มค่ากว่า Ethereum
เป้าระดมทุนพรีเซลล์อยู่ที่ 3.96 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจสูงถึง 6.125 ล้านดอลลาร์ด้วยโทเค็นที่เพิ่มเข้ามา ส่วนโทเค็นที่เหลือจะถูกสำรองไว้สำหรับ Staking Pool
คุณสามารถเข้าร่วมช่อง Bitcoin BSC Telegram เพื่อติดตามความคืบหน้าล่าสุดได้ที่นี่
เพดานเงินทุน
$6,063,750
โทเค็นทั้งหมด
21 ล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
6.125 ล้าน
Blockchain
BNB Smart Chain
ประเภทโทเค็น
BEP-20
ซื้อขั้นต่ำ
$10
ซื้อด้วย
USDT, ETH, BNB, บัตรเครดิต
4. OKX – กระดานเทรดคริปโตมาแรงที่มาพร้อมเหรียญ Staking ยอดนิยม
OKX เป็นกระกานแลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกและมี คริปโคเคอเรนซี่มากกว่า 340 เหรียญ แพลตฟอร์มนี้มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการซื้อเหรียญคริปโตชั้นนำมากมายสำหรับการ Staking
OKX ให้ผลตอบแทนต่อปี (APY) จากการ Stake สูงถึง 70% ผู้ใช้สามารถ Stake เหรียญยอดนิยม มากมาย โดยมีระยะเวลาการล็อกตั้งแต่ 15 ถึง 120 วัน (หรือไม่มีเลย) ซึ่งหากเลือกว่าจะ Stake Pool ไหนดีนั้น Pool ของ Ethereum 2.0 ก็จะมอบอัตรา APY ที่ 4.09%
OKX มีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยจากเหรียญที่มีมูลค่าคงที่และ Bitcoin อีกด้วย ซึ่งเหรียญคริปโตในบัญชีออมทรัพย์จะไม่มีระยะเวลาการล็อกและจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายชั่วโมง
OKX ยังมีฟีเจอร์ Flash Deals ที่จะมอบข้อเสนอระยะสั้นที่ให้ APY สูงถึง 500% ตามโทเค็นที่มีความต้องการสูง โดยข้อเสนอดังกล่าวมักจะมีให้สำหรับ Bitcoin, Ethereum และเหรียญคริปโตที่เทรดเดอร์ต้องการ
OKX ก็ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำในการเปิดบัญชี และรองรับการชำระเงินที่หลากหลายอีกด้วย
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | 1%-300% |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | ไม่ระบุ |
ระยะเวลาการล็อก | ตั้งแต่ไม่มีระยะเวลาไปจนถึง 120 วัน |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | ควบคุมโดยประเทศมอลตา |
รางวัลเพิ่มเติม | ไม่ระบุ |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายชั่วโมง |
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
5. eToro – แพลตฟอร์ม Staking เหรียญคริปโตด้วยค่าธรรมเนียมแสนถูก
eToro เป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์เหรียญคริปโตที่ควบคุมโดย ก.ล.ต. ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุดในตลาด และมีต้องการเงินฝากขั้นต่ำไม่เยอะ โดยสิ่งที่ทำให้เราชอบมากๆ ก็คือเมื่อคุณซื้อเหรียญคริปโตที่ eToro โทเค็นดังกล่าวจะถูกนำไป Stake โดยอัตโนมัติ
ตอนนี้ eToro มอบรางวัลโดยอัตโนมัติในเหรียญ Staking ที่ดีที่สุด ได้แก่ Ethereum, Cardano, และ Tron ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานะสมาชิก eToro และที่ที่คุณอยู่ เช่น หากคุณเป็นสมาชิกระดับ Bronze และเป็นผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาก็จะได้รับ 75% ของผลตอบแทนการ Stake รายเดือนที่ ส่วนระดับ Diamond และ Platinum+ จะได้ 90%
หากคุณกำลังสงสัยว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้น eToro ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดโดยที่ไม่มีระยะเวลาการล็อกโทเค็นใดๆ โดยคุณสามารถรับผลตอบแทนจาก Stake ตามโทเค็นที่คุณมีใน eToro Crypto Wallet จนกว่าคุณอยากจะขายโดยไม่ต้องโอนเหรียญไปมาเหมือนแพลตฟอร์มอื่น
คุณจะได้รับประโยชน์มากมายในการใช้ eToro เนื่องจากแพลตฟอร์มได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต., FCA, ASIC, และ CySEC และหากคุณอยากซื้อเหรียญคริปโต คุณก็สามารถฝากเงินได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านวิธีการชำระเงินมากมาย
การเลือกว่าจะ Staking ที่ไหนดีนั้นอาจเป็นเรื่องยาก เราได้ทำการวิเคราะห์สองแพลตฟอร์มยอดนิยมไว้ในบทวิเคราะห์ eToro กับ Coinbase แล้ว
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | ADA, TRX, และ ETH 2.0 จะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณการ Stake บนแพลตฟอร์ม |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | Stake ขั้นต่ำที่ $1 ต่อเดือน |
ระยะเวลาการล็อก | ไม่มีระยะเวลาการล็อก ถอนออกได้ทุกเมื่อ |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | • ควบคุมโดย ก.ล.ต.
• ได้รับอนุญาตจาก FINRA และ FinCEN |
รางวัลเพิ่มเติม | สมาชิกระดับสูงจะได้รับผลตอบแทนจากการ Stake เพิ่มขึ้น |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายเดือน |
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
6. Origin Dollar – Stablecoin ที่ให้ผลตอบแทนเหรียญแรกของ DeFi
Origin Dollar (OUSD) เป็นเหรียญ Stablecoin สกุลแรกของ DeFi ซึ่งแทนที่จะนำ Dai, USDC หรือ USDT ไป Stake โดยตรง นักลงทุนจะสามารถเข้าร่วมการ Staking เหรียญคริปโต แบบพาสซีฟได้ผ่าน OUSD โดย Origin Dollar ได้รับการค้ำประกันโดย Stablecoin ชั้นนำ และใช้ Stablecoin เหล่านี้เพื่อรับดอกเบี้ยผ่านเทคนิคการลงทุนแบบไม่พึ่งพิงสภาวะตลาด (Market Neutral Strategy) บน DApps เช่น Aave และ Curve
เพียงถือ OUSD และโทเค็นก็จะเพิ่มขึ้นใน Wallet ของคุณตามสัดส่วนของจำนวนดอกเบี้ยที่ได้รับจากหลักประกัน ถือว่าเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรับผลตอบแทนแบบพาสซีฟ หรือสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดค่าแก๊ส เนื่องจากโทเค็นเติบโตโดยตรงใน Wallet ของคุณ จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการ Staking หรือถอนเงินจาก Stablecoin แต่อย่างใด
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
4.34% จากผลตอบแทนต่อปีในระยะเวลา 30 วัน
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
ไม่มี
ระยะเวลาการล็อค
ไม่ระบุ
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
ตรวจสอบโดย OpenZeppelin, Solidified และ Trail of Bits
รางวัลเพิ่มเติม
ไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
จ่ายอัตโนมัติ
Stake เหรียญคริปโตบน Origin Dollar ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
7. DeFi Swap – แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ให้ดอกเบี้ยสูง
DeFi Swap เป็นกระดานเทรดคริปโต DEX ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการ Stake เหรียญ DeFi Coin (DEFC) โดยเฉพาะ โดยมีระยะเวลา Stake 4 ช่วง: 30, 90, 180, หรือ 365 วัน โดยคุณสามารถรับอัตราดอกเบี้ย APY ได้ตั้งแต่ 30% ถึง 75%
โดยคุณสามารถแลกเหรียญคริปโตหลักๆ (ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, BNB และอื่นๆ) เป็น DEFC ได้ง่ายๆ DeFi Swap ยังให้คุณซื้อ DeFi Coin ด้วยเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงอย่าง USDC และ USDT ได้
DeFi Swap เพิ่งเปิดตัว ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงมีทางเลือกการ Stake มากมายและอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเมื่อแพลตฟอร์มเติบโตนั่นเอง
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต | APY 30-75% สำหรับ DeFi Coin |
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด | ไม่มีขั้นต่ำหรือสูงสุด |
ระยะเวลาการล็อก | 30, 90, 180 หรือ 365 วัน |
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ | กระดานเทรด DEX |
รางวัลเพิ่มเติม | ค่าธรรมเนียมจากการซื้อและขาย DEFC จะคืนให้กับผู้ถือโทเค็น |
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย | รายเดือน |
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
8. ZenGo – Crypto Wallet ยอดนิยมสำหรับบัญชีกู้, Staking, และดอกเบี้ย
ZenGo เป็น Crypto Wallet แบบมัลติฟังก์ชันที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อ Stake และแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้ โดยฟีเจอร์ของ WalletConnect จะให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออย่างปลอดภัยกับแอพแบบกระจายอำนาจ แลกเปลี่ยน NFT และรับผลตอบแทนจาก Dapps โดย ZenGo ยังเป็น Crypto Wallet สำหรับใครที่อยู่ในอเมริกาที่ต้องการแปลงเงินเดือนทั้งหมดหรือบางส่วนเป็น Bitcoin, Ethereum หรือ USDC อีกด้วย
การให้บริการ Wallet ที่ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับ ZenGo ดังนั้นจึงเปิดใช้งานการยืนยันตัวแบบ 3 ปัจจัยและใช้การเข้ารหัส MPC Wallet ทั้งยังรองรับอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและทำให้การกู้คืน Wallet เป็นเรื่องง่ายหากโทรศัพท์ของผู้ใช้สูญหายหรือถูกขโมย โดยผู้ใช้ที่อยู่ในสถานการณ์ไม่ดีและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ก็สามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Crypto Wallet นี้และสิ่งที่ทำให้โดดเด่นกว่า Crypto Wallet อื่นๆ มากมายในตลาดคือตัว Wallet จะสร้างดอกเบี้ยให้กับผู้ใช้ได้ โดยสิ่งเดียวที่จำเป็นคือเก็บเหรียญคริปโตไว้ใน Wallet และผู้ใช้สามารถกู้เหรียญคริปโตหรือ Stake ได้
ด้วยการกู้เหรียญ ผู้ใช้จะสามารถปล่อยกู้เหรียญคริปโตของตนแก่ Nexo ซึ่งเป็นพันธมิตรของ ZenGo และสถาบันการเงินที่จดทะเบียนสำหรับการกู้เหรียญคริปโต โดยแหล่งรายได้แบบพาสซีฟอื่นๆ ที่จะได้รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตคือการ Staking โดย Tezos ถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถนำไป Stake ได้อย่างเดียวบนแพลตฟอร์มนี้ ส่วนบัญชีออมทรัพย์ ZenGo ยังทำให้ผู้ใช้สามารถรับผลตอบแทนสูงถึง 8% ต่อปี (APY) โดย ZenGo เสนอผลตอบแทนต่อปี 3% สำหรับ Bitcoin, 4% สำหรับ Ethereum, และสูงถึง 8% สำหรับ USDC, USDT, และ TUSD
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
ผลตอบแทนต่อปีสูงสุด 8%
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
ไม่ระบุ
ระยะเวลาการล็อค
ไม่มีระยะเวลาการล็อก
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
การยืนยันตัวแบบ 3 ปัจจัยและการเข้ารหัส MPC Wallet
รางวัลเพิ่มเติม
ของขวัญมูลค่า 50 ดอลลาร์สำหรับการฝากเหรียญตั้งแต่ 250 ดอลลาร์ขึ้นไป
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
รายวัน
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
9. Crypto.com – แพลตฟอร์ม Staking Crypto เพื่อการถอนเหรียญแบบยืดหยุ่น
Crypto.com เปิดตัวในปี 2016 และกลายเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่นั้นมา ด้วยมีลูกค้าหลายล้านคนที่ใช้บริการ โดยนอกจาก Crypto.com จะเป็นที่รู้จักกันดีในการให้บริการแลกเปลี่ยนที่ง่ายและมีราคาถูก พร้อมรองรับโทเค็นมากกว่า 250 สกุลแล้ว แพลตฟอร์มยังมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์คริปโตอื่นๆ อีกด้วย
นอกจากสินเชื่อเหรียญคริปโต, บัตรเครดิต/เดบิตคริปโต, และตลาด NFT แล้ว ทาง Crypto.com ยังให้บริการวาง Staking ผ่านบริการ Crypto Earn อีกด้วย โดยสรุป เมื่อคุณฝากบัญชีดอกเบี้ยคริปโตคุณเลือก Crypto.com จะจัดสรรเงินทุนเพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ถือบัญชีที่ต้องการกู้เหรียญ โดยผู้กู้ยืมขั้นสุดท้ายจะชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งคุณจะได้รับเป็นรายวัน
ในส่วนของจำนวนเหรียญที่คุณจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักสามอย่าง ก่อนอื่น อัตราผลตอบแทนต่อปีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโทเค็นที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น เหรียญ Stablecoin เช่น USDC และ TrueGBP จะให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 12% ในขณะที่ในกรณีของ Bitcoin และ Ethereum จะอยู่ที่ 6.5% อย่างที่สอง อัตราผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับว่าคุณยินดีล็อกโทเค็นของคุณเป็นเวลาหนึ่งหรือสามเดือน หรือโดยไม่มีข้อกำหนดในการถอนเหรียญออกแล้ว สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดอ่านรีวิวบัตรเครดิต Crypto.com ของเราที่นี่
และสุดท้าย หากคุณสามารถ Stake CRO ซึ่งเป็นเหรียญหลักของ Crypto.com คุณจะได้รับผลตอบแทนต่อปีสูงขึ้น ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจ Stake โทเค็นใดและเงื่อนไขใด คุณต้องจำไว้ว่าโทเค็นของคุณสามารถสร้างดอกเบี้ยได้ เพราะ Crypto.com จะกู้เหรียญคุณออกมา อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าร่วม Crypto.com คุณก็จะสามารถเข้าถึงเหรียญคริปโตมากมายได้ทันที โดยคุณสามารถซื้อด้วยบัตรเดบิตด้วยค่าธรรมเนียมเพียง 2.99% ดังนั้นแพลตฟอร์มจึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดด้วยตัวเอง
· เหรียญที่ไม่ใช่ Stablecoin (BTC, ETH, CRO, LTC, ฯลฯ) – สูงถึง 14.5% · สูงสุด – 500,000 ดอลลาร์ (เทียบเท่า USD) · ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยโดย Kudelski Security
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
· Stablecoins (USDT, USDC, DAI, ฯลฯ) – สูงถึง 14%
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
· ขั้นต่ำ – แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเหรียญ (เช่น 0.005 BTC, 0.15 ETH)
ระยะเวลาการล็อค
ปรับได้ – สามเดือน หนึ่งเดือน หรือยืดหยุ่น
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
· การประเมินระดับที่ 4 จาก NIST Cybersecurity
รางวัลเพิ่มเติม
อัตราร้อยละต่อปีเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวน CRO ที่นำไป Stake เพิ่มขึ้น
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
รายสัปดาห์
Stake เหรียญคริปโตที่ Crypto.com ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
10. MyCointainer – หนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ให้รางวัลมากที่สุดในตลาด
MyCointainer เปิดตัวในปี 2018 และรองรับเหรียญเพียง 20 สกุลในตอนนั้น โดยได้รับใบอนุญาตทางการเงินในเอสโตเนียและได้รับใบอนุญาตให้ซื้อขายสกุลเงินทั่วไปในปีเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมา แพลตฟอร์มก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนเหรียญที่รองรับและจำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม (เป้าหมายปี 2022 คือมีผู้ใช้ 750,000 คน) ด้วยความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Seed Round เมื่อต้นปี 2022 โดยระดมทุนได้ 6 ล้านดอลลาร์ แพลตฟอร์มดังกล่าวก็กำลังจะเปิดตัวเหรียญของตัวเองและขยายบริการที่หลากหลาย รวมถึงโปรโตคอล DeFi ด้วย
MyCointainer เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่นำเสนอวิธีที่หลากหลายในการรับเหรียญคริปโตฟรีๆ โดยคุณสามารถสร้างกำไรได้โดยเก็บเหรียญไว้ใน Crypto Wallet ของคุณ และฝากให้กับโหนด MyCointainer โดยตรงจาก Wallet ของคุณ หรือเก็บเหรียญเอาไว้แบบออฟไลน์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นชุมชนคริปโตแบบสากลที่ใช้งานง่าย ซึ่งการรับเหรียญคริปโตจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากที่ไม่อาจเข้าใจได้อีกต่อไปที่เข้าถึงได้เฉพาะคนวงในหรือเทรดเดอร์เต็มตัว แต่เป็นกระบวนการที่ชัดเจนและโปร่งใสที่ไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการทำความเข้าใจ
แพลตฟอร์ม Staking ของ MyCointainer รองรับเหรียญคริปโตประมาณ 150 สกุล ตั้งแต่เหรียญ Altcoin ที่มีชื่อเสียงที่สุด เช่น Polkadot และ Cardano ไปจนถึงเหรียญที่มีแนวโน้มมากมายที่คุณสามารถทำกำไรได้ ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาต (หมายเลข FVT000255) ที่ให้ความสำคัญไปที่การทำธุรกรรมที่ปลอดภัย และสามารถทำหน้าที่เป็นกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินทั่วไปและเป็นผู้ให้บริการ Crypto Wallet ได้ในเวลาเดียวกัน โดยหนึ่งในวิธีในการปกป้องทรัพย์สินของคุณด้วย MyCointainer คือการฝากเหรียญไว้ใน Cold Wallet ซึ่งหมายถึงการจัดเก็บเหรียญแบบออฟไลน์ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวยังใช้ SAFU (หน่วยงานกองทุนประกันฉุกเฉิน) ซึ่งเป็นกองทุนที่ใช้เพื่อจ่ายเงินคืนให้กับนักลงทุนที่สูญเสียทรัพย์สินเนื่องจากการแฮ็กหรือการฉ้อโกง
MyCointainer เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับมือใหม่ โดยคุณสามารถซื้อหรือแลกเปลี่ยนเหรียญเริ่มต้นเพียง 1 ยูโร อย่างไรก็ตาม การแจกรางวัลและการแจกเหรียญ AIrdrop หลายครั้งบนแพลตฟอร์มจะให้โอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่โลกคริปโต โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุน ซึ่งเมื่อคุณเป็นผู้ใช้ใหม่ก็จะได้รับโบนัสต้อนรับจากการเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ซึ่ง MyCointainer ก็มีค่าธรรมเนียมการ Staking เช่นกัน แต่ก็ถือเป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุดในตลาด อย่างไรก็ตาม ด้วยการสมัครสมาชิก POWER คุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและยังสามารถเข้าถึงการลงทุนใน Master Node แบบพิเศษได้อีกด้วย
· สูงสุด – ไม่ระบุ
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
สูงถึง 101.4%!
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
· ขั้นต่ำ – ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ในเว็บไซต์
ระยะเวลาการล็อค
ไม่มีระยะเวลาการล็อค ถอนออกได้ทุกเมื่อ
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
MyCointainer ตั้งอยู่ในเอสโตเนีย พร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนดท้องถิ่น และให้บริการลูกค้าเฉพาะในพื้นที่ภายใต้เขตอำนาจศาลเหล่านั้นเท่านั้น ใบอนุญาตตามกฎหมายเลขที่ FVT000255
รางวัลเพิ่มเติม
แจกเหรียญ Airdrop, แจกของรางวัล, และเงินคืนผ่านฟีเจอร์ EarnBack
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
รายวัน
Stake เหรียญคริปโตที่ MyCointainer ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
11. Coinbase – กระดานเทรดยอดนิยมที่รองรับบริการ Staking Crypto
Coinbase อาจเป็นแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่ควรพิจารณาหากคุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการซื้อและขายเหรียญคริปโตแบบปลอดภัย เพราะนอกเหนือจากบริการ Staking แล้ว Coinbase ยังมีกระดานเทรดที่ได้รับการควบคุม ทั้งยังใช้งานง่ายอีกด้วย ในขณะที่เขียน Coinbase รองรับเหรียญคริปโตมากมายที่คุณสามารถวางนำไป Stake ได้
ขณะที่เขียน นี่เป็นกระดานซื้อขาย Altcoin ที่ได้รับความไว้วางใจและยังรองรับเหรียญคริปโตถึงหกสกุลที่สามารถนำไป Stake ได้ ซึ่งรวมถึง Ethereum, Algorand, Cosmos, Tezos, Dai และ USDC โดยอัตราผลตอบแทนต่อปีจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 0.15% สำหรับ USDC ถึง 5% สำหรับ Cosmos และยังคาดว่าจะมีการรองรับเหรียญที่สามารถ Stake ได้เพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือน โดยสิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้อเหรียญคริปโตบน Coinbase เพื่อให้มีสิทธิ์รับรางวัลจากการ Staking ในทางตรงกันข้าม คุณจะสามารถโอนโทเค็นที่คุณต้องการ Stake จาก Wallet ภายนอกได้เลยทันที
หากคุณชอบ Coinbase สำหรับข้อกำหนดในการ Staking คุณก็สามารถเปิดบัญชีที่จะได้รับการยืนยันได้ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีโดยใช้เพียงแค่ข้อมูลส่วนตัวทั่วไปและสำเนาบัตรประจำตัวที่ออกโดยหน่วยงานราชการเท่านั้น และหากคุณยังไม่ได้ถือเหรียญ Staking ใดๆ คุณก็สามารถซื้อด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของคุณได้ทันที อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องจำไว้ว่าวิธีการชำระเงินนี้มีค่าธรรมเนียมที่เกือบ 4%
· อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
สูงถึง 5% สำหรับเหรียญที่ไม่ใช้ Stablecoin และสูงถึง 2% สำหรับ Stablecoin
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ (ไม่มีขั้นต่ำสำหรับ ETH)
ระยะเวลาการล็อค
แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินทรัพย์
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
· ควบคุมโดย ก.ล.ต
รางวัลเพิ่มเติม
ไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
แตกต่างกันไป – ตั้งแต่รายวันไปจนถึงรายสัปดาห์ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์
Stake เหรียญคริปโตที่ Coinbase ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
12. Binance – แพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเพื่อรับรางวัล Staking มหาศาล
Binance เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนที่สูง โดยสามารถรองรับเหรียญเดิมพันได้เกือบ 100 สกุล ซึ่งครอบคลุมโปรเจกต์และอัตราผลตอบแทนต่อปีมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของระยะเวลาที่คุณต้องการล็อกโทเค็นของคุณ ทาง Binance ก็มีตัวเลือกมากมาย โดยทั่วไปจะครอบคลุมระยะเวลา 10,30, 60 หรือ 90 วัน
เพื่อให้คุณเห็นภาพว่ามีข้อเสนออะไรบ้าง Moonbeam (GLMR) ก็พร้อมให้ Stake บนเว็บไซต์ Binance ในระยะเวลาล็อก 10 วัน ควบคู่ไปกับผลตอบแทนที่สูงถึง 239% และคุณก็น่าจะชอบ Shiba Inu และ Solana ซึ่งให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 8.78% (30 วัน) และ 10.12% (10 วัน) ในขณะที่เขียน สิ่งที่คุณมักจะพบที่ Binance ก็คือผลตอบแทนสูงสุดจะได้รับการจ่ายในช่วงเวลาล็อกที่สั้นลง
เนื่องจากอัตราเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน ดังนั้นคุณจึงแทบจะไม่สามารถล็อกอัตราผลตอบแทนได้นานกว่าหนึ่งเดือน นอกจากนี้ ข้อควรทราบก็คือแต่ละ Staking Pool จะมีการจัดสรรสูงสุด ดังนั้นคุณอาจพบว่าข้อเสนอที่ดีที่สุดอาจขายหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อคุณสามารถทำตามข้อกำหนดในการ Staking แล้ว คุณอาจพิจารณาใช้ Binance เพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้ด้วย ทั้งยังรองรับตลาดมากกว่า 1,000 แห่ง (60 แห่งในสหรัฐอเมริกา) โดยมีค่าธรรมเนียมที่ถูกที่สุดในอุตสาหกรรม
ที่จริงแล้ว จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายเพื่อซื้อขายที่ Binance คือ 0.10% ต่อสไลด์ ซึ่งหมายความว่าทุกๆ การซื้อขาย 1,000 ดอลลาร์จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น ฟีเจอร์ยอดนิยมอีกอย่างของ Binance คือบัญชีออมทรัพย์คริปโต ในการฝากเงิน คุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสำหรับเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน โดยอัตราผลตอบแทนต่อปีที่คุณสามารถทำได้จะขึ้นอยู่กับเหรียญคริปโตและเงื่อนไขการล็อก โดยปกติแล้ว บัญชีออมทรัพย์แบบยืดหยุ่นจะให้ผลตอบแทนในอัตราที่ต่ำที่สุด
· ใบอนุญาตการโอนเงินในหลายรัฐของอเมริกา
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
สูงถึง 3.78% สำหรับ Stablecoin และ 150% สำหรับเหรียญที่ไม่ใช่ Stablecoin
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเหรียญ
ระยะเวลาการล็อค
สามารถเลือกได้ระหว่างแบบยืดหยุ่น 10 วัน 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
· กำลังขอใบอนุญาตการเทรดในอังกฤษ
รางวัลเพิ่มเติม
ไม่ระบุ
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
รายวัน
Stake เหรียญคริปโตที่ Binance ตอนนี้
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
13. LooksRare – รับผลตอบแทนสูงถึง 221% ต่อปีสำหรับการ Staking เหรียญ LOOKS
LooksRare เป็นตลาด NFT ใหม่ที่ได้รับรางวัลเหรียญคริปโตทุกครั้งที่คุณซื้อหรือขาย NFT โดยรางวัลจะแจกจ่ายเป็นโทเค็น LOOKS ของแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นโทเค็นที่ใช้เพื่อกำกับดูแลสำหรับ LooksRare DAO ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ในขณะที่ DAO ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา คุณก็สามารถ Stake โทเค็น LOOKS ของคุณบนแพลตฟอร์ม LooksRare และรับดอกเบี้ยสูงถึง 221% ต่อปี
ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะได้รับรางวัลเป็น LOOKS หรือรวม LOOKS และ Ethereum เข้าด้วยกัน หากคุณเลือกรางวัล Ethereum อัตราดอกเบี้ยสำหรับการ Staking จะลดลงเหลือ 130% ต่อปี
LooksRare รองรับเฉพาะการ Staking โทเค็น LOOKS ซึ่งเป็นโทเค็นที่แพลตฟอร์ม Staking อื่นๆ ไม่รองรับ ดังนั้น นี่เป็นโอกาสสุดพิเศษที่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับโปรเจกต์คริปโตใหม่ๆ
รางวัล Staking ของเหรียญคริปโต
สูงถึง 221% ต่อปี
จำนวนการ Staking ต่ำสุดและสูงสุด
ไม่มี
ระยะเวลาการล็อค
ไม่มี
ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
ไม่มี
รางวัลเพิ่มเติม
รับ LOOKS เมื่อคุณซื้อและขาย NFT
ระยะเวลาในการจ่ายดอกเบี้ย
รายวัน
Staking เหรียญคืออะไร?
เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจวิธีการ Staking เหรียญคริปโตอย่างลึกซึ้ง ก่อนเริ่มดำเนินการลงทุน
ด้วยเหตุนี้ เราจะอธิบายถึงเรื่องพื้นฐานที่คุณควรทราบก่อนลงทุนในโทเค็นใดๆ
Staking เหรียญคริปโตทำงานยังไง?
การ Staking เหรียญคริปโตคือกระบวนการล็อกโทเค็นบางส่วนเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพบนบล็อกเชน Proof of Stake
โดยคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยจากโทเค็นที่คุณ Stake ซึ่งหมายความว่าแทนที่จะถือเหรียญไว้ใน Crypto Wallet เฉยๆ คุณก็สามารถสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตด้วยการรับรายได้จากโทเค็นของคุณนอกเหนือจากลงทุนเพิ่มได้
เรามาดูตัวอย่างพื้นฐานของการ Staking เหรียญคริปโตกันก่อน:
- สมมุติว่าคุณต้องการ Stake โทเค็น ADA บนเครือข่าย Cardano
- สมมุติว่าคุณจะได้ผลตอบแทนต่อปี (APY) 10%
- คุณตัดสินใจ Stake โทเค็น ADA มูลค่า $5,000 เป็นเวลาสามเดือน
- ในเวลาหนึ่งปี การ Stake ที่ $5,000 จะมอบผลตอบแทน $500 ดังนั้น การ Stake สามเดือนก็จะคิดเป็นรายได้แบบพาสซีฟที่ $125
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่ารางวัลการ Stake นั้นจะมอบให้คุณเป็นโทเค็นที่ใช้ Stake ซึ่งหมายความว่า รางวัลจากการจะถูกจ่ายเป็นโทเค็น ADA นั่นเอง
ที่สำคัญ ระหว่างการล็อกโทเค็นคริปโตนั้น คุณจะยังได้รับประโยชน์หากโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น โทเค็นมีมูลค่า $1 ในขณะที่คุณเริ่ม Stake และ $1.50 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการล็อก คุณจะได้รับมูลค่าโทเค็นที่บวก 50% นั่นเอง ซึ่งทำให้คุณได้รับรางวัลได้สองทาง
จากที่กล่าวมา เราควรสังเกตว่าในขั้นต้น Staking นั้นทำได้โดยการดาวน์โหลด Node บัญชีแยกประเภทของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ ไปยังอุปกรณ์เดสก์ท็อปของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้อง Stake โทเค็นโดยตรงกับบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนผ่าน Wallet ที่รองรับ
แต่การ Staking ได้พัฒนาขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพสามารถได้รับรางวัลง่ายขึ้นด้วย
นี่เป็นเพราะแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดนั้นล้วนแล้วแต่ให้คุณฝากโทเค็นเพื่อเริ่มรับดอกเบี้ย และรางวัลจากการ Stake ก็ได้มาจากเหรียญ PoS นั่นเอง เนื่องจากแพลตฟอร์มยอดนิยมจะมอบโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านบัญชีออมทรัพย์ แต่คุณรู้ไหมว่า Yield Farming กับ Staking แตกต่างกันยังไง?
ระยะเวลาการล็อก
จะมีระยะเวลาการล็อกหากคุณ Stake เหรียญคริปโตโดยตรงผ่าน Node บนบล็อกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถถอนเหรียญคริปโตได้จนกว่าระยะเวลาการล็อกจะสิ้นสุด
ซึ่งคล้ายกับวิธีตราสารหนี้ เนื่องจากคุณจะยังได้รับดอกเบี้ยแม้ว่าโทเค็นจะถูกล็อกเอาไว้ เพียงแต่ว่าการ Stake จะถอนไม่ได้จนกว่าจะสิ้นสุดการล็อก
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำยังมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งหมายความว่าหากคุณได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ คุณก็สามารถถอนเหรียญที่ใช้ Stake ได้ทุกเมื่อ
Mining กับ Staking
ผู้คนมักจะเข้าใจผิดว่าการขุด (Mining) กับการ Staking เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองกลไกที่ว่าก็มีกระบวนการแตกต่างกันอยู่
- การขุดคือกระบวนการที่ใช้ตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมใหม่สำหรับเครือข่ายบล็อกเชนแบบเฉพาะ
- นักขุดจะต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ราคาแพง (การ์ดจอ) ซึ่งใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก
- แต่นักขุดจะได้ผลตอบแทนจากทรัพยากรที่ใช้ไปเมื่อโทเค็นถูกสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น Bitcoin จะจ่ายให้กับผู้ที่ขุดเหรียญสำเร็จที่ 6.25 BTC ทุกๆ 10 นาที
ที่สำคัญ การขุด (โดยเฉพาะบนเครือข่ายยอดนิยมอย่าง Bitcoin) นั้นค่อนข้างจะไม่คุ้มทุน ซึ่งเป็นเหตุผลที่การ Staking ฟังดูดีกว่า ตัวอย่างเช่น ในการ Stake เหรียญคริปโต คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใดๆ และไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้ามากมาย
แต่เพียงแค่ต้องเลือกแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด แล้วฝากโทเค็นที่ต้องการ แล้วนั่งรอให้กลไกสร้างผลกำไรแบบพาสซีฟให้เอง
On-Chain กับ Off-Chain Staking
อีกสิ่งที่ควรเข้าใจในการ Staking เหรียญคริปโตคุณจะเริ่ม Stake ในเชน (On-Chain) หรือนอกเชน (Off-Chain) โดยการ Stake ในเชนจะนำโทเค็นดังกล่าวไปไว้ในเครือข่ายบล็อกเชนที่คุณเลือก
การทำแบบนี้คุณจะต้องดาวน์โหลดบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนทั้งหมดลงคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อกับ Node ผ่าน Wallet ที่รองรับ ซึ่งจะทำให้คุณมีส่วนร่วมโดยตรงกับบล็อกเชน แต่การ Stake ในเชนนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจในเหรียญคริปโตอย่างสูง
แต่หากคุณเป็นมือใหม่และต้องการอะไรง่ายๆ เราก็ขอแนะนำให้ Stake นอกเชน โดยแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำไปวันนี้ก็ต่างให้บริการการ Stake นอกเชน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถเริ่มต้น Stake ได้
นี่เป็นเพราะข้อตกลงของคุณจะผูกกับแพลตฟอร์ม Staking นั่นเอง (ต่างจากเครือข่ายบล็อกเชน) ด้วยเหตุนี้ หากคุณตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มกับเหรียญที่ใช่และระยะเวลาการล็อกได้แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก
ประโยชน์ของการ Staking เหรียญคริปโต
การ Staking เหรียญคริปโตอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะเมื่อคุณอยากเทรดเหรียญคริปโตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการ Staking นั้นตอบโจทย์การลงทุนคุณหรือไม่ ให้พิจารณาประโยชน์ที่ได้ ดังนี้
รับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน
หากคุณถือหุ้นไว้ในพอร์ต คุณจะมีโอกาสได้รับเงินปันผลทุกๆ เดือน
แต่การถือเหรียญคริปโตเอาไว้นั้น คุณจะทำเงินได้เมื่อโทเค็นมีมูลค่าเพิ่มและได้ขายเหรียญไปเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าคุณเลือกเก็บการลงทุนเหรียญคริปโตระยะยาวไว้กับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด
เพราะหากคุณตัดสินใจ Stake โทเค็นเอาไว้ คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยตอบแทน ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีโอกาสในการสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตได้สองแบบ เนื่องจากคุณจะได้รับผลตอบแทนเมื่อเหรียญคริปโตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง
โปรดจำไว้ว่าข้อดีของการ Staking นั้นไม่เหมือนกับการได้รับดอกเบี้ยผ่านการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีหลายบริษัท เช่น Celsius, Voyager, Babel Finance และอื่นๆ ที่ถูกฟ้องล้มละลายหลังปล่อยกู้เหรียญในช่วงกลางปี 2022 หลังจาก “ช่วงขาลงของตลาดคริปโต” แต่ไม่มีผลกระทบอะไรต่อแพลตฟอร์ม Staking ที่เราพูดถึงในบทความนี้
ดอกเบี้ยทบต้น
การลุงในหุ้นแบบดั้งเดิมเป็นการเปรียบเทียบที่ดี เพราะหุ้นปันผลให้โอกาสคุณได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทบต้น
เนื่องจากเมื่อคุณได้รับผลตอบแทนในแต่ละไตรมาส คุณก็สามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวเดิมได้นั่นเอง
- หากคุณได้รับเงินปันผล $150 จาก Johnson & Johnson คุณก็สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้สองหุ้น (อิงจากราคาตอนนี้)
- เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็จะได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น เพราะคุณจะได้รับเงินปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถือไว้นั่นเอง
ส่วนการ Staking ในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในตลาดจะแจกจ่ายรางวัลเป็นรายวัน ดังนั้น เมื่อคุณได้รับผลตอบแทนจากการ Staking เป็นโทเค็น คุณก็จะได้ถือโทเค็นมากขึ้น นอกจากนั้น เมื่อนำโทเค็นไป Stake อีกรอบ คุณก็จะได้รับรางวัลตอบแทนรายวันมากขึ้น
ป้องกันความเสี่ยงจากราคาเหรียญคริปโตที่ลดลง
อีกหนึ่งประโยชน์จากการ Staking เหรียญคริปโตก็คือสามารถป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวได้ เช่น สมมุติว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวและถือเหรียญคริปโตมูลค่า $5,000 ไว้ในพอร์ต
เมื่อตลาดเกิดแนวโน้มขาลงเป็นเวลานาน ก็อาจจะน่าท้อใจเมื่อมูลค่าพอร์ตของคุณก็ลดตามลงไปด้วย
แต่ถ้าคุณ Stake เหรียญคริปโตเอาไว้ คุณก็จะยังได้รับผลตอบแทนแม้ราคาเหรียญจะลดลงก็ตาม
การ Staking ให้คุณเก็บโทเค็นได้เป็นสองเท่า
เมื่อคุณใช้งานแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเพื่อรับดอกเบี้ยจากเหรียญที่ไม่ได้ใช้ คุณจะต้องฝากเหรียญไว้ใน Wallet ที่ถูกควบคุมโดยแพลตฟอร์มนั้นๆ
แม้จะฟังดูเสี่ยงไปบ้าง แต่เหรียญคุณจะปลอดภัยถ้าคุณเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแล
- เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า eToro ได้รับอนุญาตและควบคุมโดยหน่วยงานด้านการเงินที่มีชื่อเสียงหลายแห่งและ ก.ล.ต.
- คุณจึงมั่นใจได้ว่าโทเค็นที่ใช้ Stake จะได้รับการดูแลอย่างดี
- ในการใช้แพลตฟอร์ม Staking ที่เชื่อถือได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง Private Key
- แต่การรักษาความปลอดภัยของ Wallet จะเป็นเรื่องของเว็บไซต์ Staking ที่คุณเลือกแทน
แต่คุณไม่ควรจะคิดว่าแพลตฟอร์ม Staking ทุกเจ้าจะปลอดภัย เนื่องจากทุกคนก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ให้บริการการ Stake ได้ โปรดศึกษาแพลตฟอร์มต่างๆ ก่อนทำการลงทุน
5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุด
หากคุณกังวลว่าจะ Stake เหรียญใด เพราะมีเหรียญมากมายเหลือเกิน แต่แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดที่เราคัดมาจะให้ผลตอบแทนคุณจากเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานแม้จะไม่ใช่โปรเจกต์ Stake ก็ตาม
5 เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาวันนี้ ได้แก่
1. DeFi Coin (DEFC) – เหรียญ Staking โดยรวมที่ดีที่สุด
เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดอันดับแรกก็คือ DeFi Coin (DEFC) จากที่เรากล่าวไป DeFi Coin คือโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม DeFi Swap ที่มีบริการช่วยเทรดมากมาย โดยราคา DEFC พุ่งขึ้น 500% หลังการเปิดตัวของแพลตฟอร์ม
DEFC เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการสร้างรายได้จากการ Staking โดยแพลตฟอร์มจะมี 4 “ระดับ” Staking ซึ่งจะมีระยะเวลาการล็อกและ APY แตกต่างกันไป หากนักลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด ระดับ “Platinum” จะให้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี ด้วยระยะเวลาล็อก 365 วัน
DeFi Coin ยังเป็นหนึ่งในเหรียญ DEX ที่ดีที่สุด เพราะสามารถแลกเป็นโทเค็น BEP-20 อื่น ๆ ผ่าน DeFi Swap ซึ่งทำให้โทเค็นมีการใช้งานหลากหลายมากขึ้น และเนื่องจาก DEFC ถูกสร้างบนระบบ “รางวัลคงที่” นักลงทุนจึงสามารถสร้างรายได้ได้จากการถือเหรียญเอาไว้ใน Crypto Wallet ของตน
สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและเป็นการลงทุนที่ไม่มีการกำกับดูแล
2. USDC – Stablecoin ที่ดีที่สุดในการ Stake
หากเป้าหมายหลักในการ Stake ของคุณคือการสร้างรายได้แบบพาสซีฟโดยไม่มีความผันผวนมาเกี่ยว เหรียญ USDC จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
USDC ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่งคุณจะมั่นใจว่าเหรียญมีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบทุนสำรองแล้ว
ที่สำคัญ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนแม้แต่นิด โดย USDC ให้ผลตอบแทนจากการ Staking สูงที่สุดในตลาดอีกด้วย
3. The Graph – เหรียญคริปโตน่า Stake ที่มีโอกาสในการเติบโตสูง
หากคุณกำลังลงทุนในเหรียญคริปโตที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าสูง คุณอาจต้องพิจารณา The Graph ไปด้วย เนื่องจากโทเค็นได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่าย Ethereum และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้บล็อกเชนสามารถจัดทำดัชนีข้อมูลได้
หมายความว่าบล็อกเชนสามารถย้ายข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกได้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อให้เครือข่ายทำงานในระดับประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถ Stake เหรียญ The Graph ได้บนแพลตฟอร์มชั้นนำมากมาย
4. Ethereum – เหรียญ Staking บนเชนที่ดีที่สุด
แม้ Ethereum จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนกลไกไปเป็นการ Stake แต่คุณก็ยังสามารถได้รับรางวัลโดยตรงบนเชน ซึ่ง Ethereum จะให้คุณ Stake เหรียญขั้นต่ำที่ 32 ETH ซึ่งคิดเป็น $85,000 ในตอนนี้
ข่าวดีคือบล็อกเชน Ethereum จะให้คุณเข้าร่วมกอง Staking โดยการเข้าร่วมกับผู้ถือโทเค็นรายอื่นเพื่อให้ Staking เหรียญ Ethereum ด้วยจำนวนเงินไม่มาก โดยคุณจะได้รับรางวัลเป็นค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมบนเครือข่าย
5. BNB – เหรียญ Staking ที่ดีที่สุดและไม่มีค่าธรรมเนียม
หากคุณไม่ชอบเสียค่าธรรมเนียมในการ Stake แล้ว คุณอาจต้องพิจารณาซื้อ BNB และรับรางวัลจากการ Staking เพราะคุณสามารถ Stake เหรียญผ่าน Trust Wallet (แอพคริปโต) โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทำให้รางวัลจากการ Stake เป็นของคุณ 100%
นอกจากนี้ เมื่อ Stake โทเค็น BNB ผ่านแอพ Trust Wallet คุณก็จะได้ APY ถึง 11% โดยรางวัลจะมอบให้เป็นรายวันและ Trust Wallet ก็ไม่กำหนดระยะเวลาการล็อก ทำให้คุณถอนโทเค็น BNB ออกได้ตลอดเวลา
การ Stake เหรียญมีภาษีไหม?
การเก็บภาษีในตลาดเหรียญคริปโตนั้นค่อนข้างซับซ้อน เพราะไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ แต่ยังขึ้นอยู่กับโปรไฟล์ส่วนบุคคลของคุณด้วย คุณจึงควรขอคำแนะนำด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ
บางประเทศอาจเก็บภาษีการ Staking โดยกฎเกณฑ์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาล
เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถี่ถ้วน Coinbase อธิบายว่า:
การ Staking นั้นก็เหมือนการขุด: ภาษีจะคิดจากมูลค่าตลาดของรางวัลในวันที่คุณได้รับ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการ Stake เหรียญ
เมื่อมีโอกาสได้รับรางวัล ก็ต้องมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา การ Staking ก็ไม่มีข้อยกเว้น โปรดอย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงต่อไปนี้ก่อนดำเนินการ
ความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม
เราอยากบอกว่าความเสี่ยงจากการ Staking นั้นก็มาจากแพลตฟอร์มที่ใช้ด้วย
- เช่น แพลตฟอร์มจะให้คุณฝากโทเค็นไว้ใน Wallet ของตนเพื่อเริ่มการ Stake
- หมายความว่าคุณต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มที่เลือกมอบดอกเบี้ยให้คุณสูง แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง หากแพลตฟอร์ม Staking ถูกแฮ็คและขโมยเงิน คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นี้ได้
- นอกจากนี้ ข้อตกลงก็เป็นของแพลตฟอร์ม Staking เอง ไม่ใช่ของเครือข่ายบล็อกเชน
- ดังนั้น เมื่อคุณได้รับรางวัลหรือทำการถอน คุณจะต้องเชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มจะทำตามข้อตกลง
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราเลือก eToro ให้เป็นแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดในปี 2023 เพราะมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
ความเสี่ยงด้านมูลค่าตลาด
มีการเข้าใจผิดว่าการ Staking จะการันตีผลตอบแทน แม้แพลตฟอร์มที่คุณเลือกจะมอบ APY และมอบผลตอบแทนให้ตามที่โฆษณา แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงมูลค่าตลาดของเหรียญคริปโตด้วย
เช่น:
- สมมุติว่าคุณลงทะเบียนกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ให้ผลตอบแทน 50% ต่อปีสำหรับโทเค็นคริปโตที่คุณเลือก
- คุณตัดสินใจฝากโทเค็นมูลค่า $1,000
- หลังจาก 1 ปี คุณจะได้รับเหรียญคริปโตตอบแทนที่ 50% หรือ $500
- แต่มูลค่าของเหรียญคริปโตที่เลือกมีมูลค่าเพิ่ม 80%
- และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับ 50% เพิ่มเติมจากโทเค็น แต่การลงทุนเดิมของคุณตอนนี้จะมีมูลค่าตลาดเพียง $200
เมื่อพิจารณาถึงตัวอย่างข้างต้น การกระจายความเสี่ยงให้มากที่สุดจึงสำคัญในการ Staking เหรียญคริปโต เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงได้นั่นเอง
ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการ Stake เหรียญ
เนื่องจากตลาดคริปโตยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับตลาดทางการเงินแบบ “ดั้งเดิม” ทำให้มีการอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดอยู่บ่อยๆ โดยด้านล่างคือข่าวที่ควรทราบในวันที่ 10 ตุลาคม 2022:
- FRX ประกาศการสร้างพันธมิตรกับ Visa เมื่อสัปดาห์ที่ผานมา โดย FTX จะขายบัตรเดบิตคริปโตแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะวางจำหน่ายใน 40 ประเทศทั่วโลก
- Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase ได้ประกาศสารคดีใหม่เกี่ยวกับการเริ่มต้นของ Coinbase ซึ่งจะฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเริ่มต้นของ Coinbase ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
- Brian Roberts ซีเอฟโอของตลาด NFT OpenSea ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ในการตัดสินใจครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้บริหารระดับสูงของ OpenSea อีกคนประกาศลาออกก็ตาม
บทสรุป
บทความเชิงลึกนี้ครอบคลุมรายละเอียดเกี่ยวกับการ Staking เหรียญคริปโต ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในปี 2023 และยังมีเหรียญที่คุณควรพิจารณาอีกด้วย
เราขอแนะนำ Bitcoin BSC ในฐานะแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุด โดยจะให้ผู้ใช้ Stake โทเค็นเพื่อรับผลตอบแทนต่อปีได้สูงสุดจากกลไก On-chain Staking
ทั้งยังให้รางวัลมากมายและยังมีค่าธรรมเนียมไม่แพงบน Binance Smart Chain ด้วยพรีเซลล์ที่ระดมทุนได้เกือบ 30,000 ดอลลาร์ในหนึ่งวัน ประกอบกับฟีเจอร์ที่น่าจับตามองของโทเค็น เช่น การจ่ายรางวัล 10 นาที ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลงทุนระยะยาว