หากคุณอยากรู้วิธีหาเหรียญคริปโตฟรี ก็มีหลายวิธีรับเหรียญได้จริงมากมายให้ทดลองใช้ อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวังก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหลายๆ วิธีที่สัญญาว่าจะแจกเหรียญฟรีนั้นอาจจะเป็นการหลอกลวงได้เช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์คริปโตจาก Business2Community จึงได้ทำการศึกษาเชิงลึก โดยทำการแยกแยะแหล่งที่สามารถรับเหรียญฟรีได้จริง ที่สำคัญ คุณยังจะได้เรียนรู้วิธีรับเหรียญคริปโตฟรีอย่างปลอดภัย โดยจะมุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและวิธีการที่ทำได้จริง ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ Crypto Wallet ของคุณมีเหรียญเพิ่มขึ้นนั่นเอง
18 วิธีหาเหรียญคริปโตยอดนิยม
ถ้าคุณลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่เป็นประจำ ก็คงเข้าใจว่าเหรียญคริปโตมีความผันผวนได้ทุกวัน นักลงทุนจำนวนมากจึงกระตือรือร้นที่จะรับเหรียญคริปโตฟรีเพื่อทำประโยชน์จากการแกว่งของราคา
- วิธีหาเหรียญคริปโตยอดนิยมแบบฟรีๆ แบบพาสซีฟผ่านผลตอบแทนจากการ Staking ต่อปีในระดับสูงจาก Sponge V2
- หาเหรียญคริปโตฟรีด้วยผลตอบแทนจากการ Staking ต่อปี 112% จาก Meme Kombat
- รับผลตอบแทนต่อปีกว่า 300% จาก TG.Casino ซึ่งเป็นคาสิโน Telegram ที่ใช้งาน Blockchain
- รับรางวัลจากการ Staking และขุด BTC เพียง 10 ด้วยดอลลาร์ด้วย Bitcoin Minetrix
- หาเหรียญคริปโต Proof of Stake ฟรีด้วย Wall Street Memes
- Stake เหรียญและรับผลตอบแทนมากกว่า 30,000% ต่อปีด้วย eTukTuk
- ทำแบบสำรวจและภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์และเล่นเกมบน Freecash.com
- สร้างรายได้ TradFi จาก The Uncharted NFT
- ใช้บัญชีดอกเบี้ยเหรียญคริปโต
- เริ่มการ Stake เหรียญคริปโต
- สร้างผลตอบแทนจากการเล่นเกม Play to Earn
- ถือเหรียญและรออัพเดท Hard Fork
- เริ่มการ Derivative Staking
- มีส่วนร่วมในการแจกเหรียญ Airdrop ฟรี
- สำเร็จหลักสูตรการศึกษา
- ใช้งาน DeFi Lending
- รับรางวัลบัตรเครดิตคริปโต
- ใช้งาน Crypto Faucets
เจาะลึกวิธีหาเหรียญ Crypto ฟรี
ตอนนี้คุณได้รู้วิธีหาเหรียญ Crypto ฟรีโดยรวมแล้ว เราจะมาเจาะลึกและสำรวจแต่ละขั้นตอนเหล่านี้แบบทีละขั้นตอน:
1. Sponge V2 – วิธีหาเหรียญคริปโตยอดนิยมแบบฟรีๆ แบบพาสซีฟผ่านผลตอบแทนจากการ Staking ต่อปีในระดับสูงจาก Sponge V2
Sponge V2 เป็นโปรเจกต์ที่พัฒนามาจากโทเค็น $SPONGE โดยมีเป้าหมายในการนำเหรียญเข้ากระดานเทรดชั้นนำ เช่น Binance และ OKX
นี่เป็นการอัพเกรดที่ตามรอยการเติบโตอันน่าประทับใจของเหรียญมีมเดิมอย่าง $SPONGE ที่มีมูลค่าตลาดเติบโตเพิ่มขึ้นจาก $1 ล้านเป็นมากกว่า $100 ล้านเมื่อปี 2023
โปรเจกต์ Sponge เริ่มต้นได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ถือโทเค็นมากกว่า 11,500 รายและมีมูลค่าตลาดทะลุ $16 ล้านเป็นที่เรียบร้อย โดย Sponge V2 Whitepaper ได้มีการสรุปวิธีในการพัฒนาระบบนิเวศ Sponge และเพิ่มโอกาสในการเติบโตเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ไฮไลท์สำคัญของ Sponge V2 คือการเปิดตัวเกมแข่งรถใหม่ที่มาพร้อมกับกลไกแบบ Play to Earn
การเข้าร่วมในเกมดังกล่าวจำเป็นต้องถือโทเค็น $SPONGEV2 เอาไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถรับโทเค็นได้มากขึ้นจากการเล่นเกมนั่นเอง
ในปัจจุบัน โทเค็น $SPONGEV2 สามารถรับได้ผ่านการเทรดโทเค็น V1 โดยนักลงทุนที่ซื้อโทเค็น V1 และนำเหรียญไป Stake ตอนนี้จะได้รับโบนัสเป็นโทเค็น $SPONGEV2 กลับคืนมา
ข้อเสนอจำกัดเวลานี้จะมอบโอกาสอันน่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนในการถือเหรียญ Sponge V2 ก่อนที่เหรียญจะถูกนำเข้ากระดานเทรดอื่นๆ ในอนาคต
ผู้ใช้สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดและการอัพเดตของ Sponge V2 ได้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น X(Twitter) และ Telegram
เพดานเงินทุน | ไม่ระบุ |
โทเค็นทั้งหมด | 150 พันล้าน |
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ | ไม่ระบุ |
Blockchain | เครือข่าย Ethereum |
ประเภทโทเค็น | ERC-20 |
ซื้อขั้นต่ำ | ไม่มี |
ซื้อด้วย | USDT, ETH, บัตรเครดิต/เดบิต |
2. รับผลตอบแทนต่อปี 6,000% และขุด BTC ด้วย Bitcoin Minetrix ซึ่งเหรียญคริปโตพรีเซลล์มาใหม่ที่มีศักยภาพสูง
Bitcoin Minetrix ($BTCMTX) ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาเหรียญคริปโต เพราะเป็นเหรียญคริปโต Pre-sale มาใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ถือโทเค็นสามารถรับผลตอบแทนต่อปีและขุด Bitcoin ได้พร้อมๆ กัน
โปรเจกต์นี้นำเสนอยูทิลิตี้ที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านโปรโตคอล Stake-to-Mine ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในตลาดคริปโต
เช่นเดียวกับการได้รับผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปีมหาศาล ซึ่งปัจจุบันเสนอมากกว่า 6,000% โทเค็น BTCMTX ยังสามารถStake เพื่อขุด BTC ได้อีกด้วย
โดยระบบจะทำงานผ่านแอพมือถือที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถ Stake BTCMTX และสร้างเครดิตการขุดบนคลาวด์ จากนั้นเหรียญเหล่านั้นสามารถถูกเผาทิ้งเพื่อรับเวลาในการขุดบนคลาวด์ โดยที่ BTC จะถูกส่งคืนไปยัง Wallet ของผู้ใช้
โปรเจกต์นี้ได้ขจัดอุปสรรคสูงในการขุดเหรียญซึ่งมีความหมายเหมือนกันกับการขุด Bitcoin ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ถือสามารถหลีกเลี่ยงโปรเจกต์ปลอมๆ ที่หลอกว่าสามารถขุดบนคลาวด์ได้
Bitcoin Minetrix มีราคาขั้นต่ำในการซื้อเพียงแค่ 10 ดอลลาร์ เพื่อเริ่มรับ BTC
โปรเจกต์นี้ระดมทุนได้แล้ว 8.3 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซลล์ โดยเพิ่งเปิดตัวในสัปดาห์นี้ด้วยอุปทานโทเค็นสูงสุด 4 พันล้านโทเค็น และ 2.8 พันล้านโทเค็นได้ถูกจัดสรรไว้สำหรับการพรีเซลล์
โดยเหรียญเพิ่งเปิดตัวในราคา 0.0128 ดอลลาร์ในรอบปัจจุบัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.0119 ดอลลาร์ในรอบที่ 10 ซึ่งเป็นพรีเซลล์รอบสุดท้าย
อ่านเอกสารข้อมูล หรือเข้าร่วมกลุ่ม Telegram สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bitcoin Minetrix
3. หาเหรียญคริปโตฟรีด้วยผลตอบแทนจากการ Staking ต่อปี 112% จาก Meme Kombat
Meme Kombat ($MK) เป็นแพลตฟอร์มใหม่มาแรงที่จะมาเขย่าตลาดเหรียมีมด้วยการแจกเหรียญคริปโตฟรีสำหรับคนที่ Stake เหรียญในอัตราผลตอบแทนต่อปีระดับสูง
นี่เป็น Utility Token ที่ไม่เหมือนใครซึ่งถูกสร้างบน Ethereum Blockchain และผสานรวมกับกลไก Play to Earn เข้ากับการต่อสู้กันของเหล่ามีมด้วยการใช้งาน AI
ตั้งเป้าระดมทุนสูงสุดไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์ โดยพรีเซลล์ Meme Kombat ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมระดมทุนได้กว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่วันหลังเปิดตัว โดยเหรียญมีราคาอยู่ที่ 0.279 ดอลลาร์ในช่วงพรีเซลล์
โปรเจกต์เสนอผลตอบแทน 112% ต่อปี สำหรับใครที่เข้าร่วมในช่วงแรกๆ โดยเหรียญจะถูก Stake แบบอัตโนมัติเป็นเวลา 14 วัน และหลังจากสิ้นสุดการล็อคเหรียญ ผู้ถือก็จะสามารถเลือก Stake เหรียญหรือ Stake ต่อเพื่อรับรางวัลเพิ่มเติมได้
$MK แตกต่างจากเหรียญมีมอื่นๆ ที่มีโทเค็นนับพันล้านหรือล้านล้านหมุนเวียนในตลาด แต่ Meme Kombat มีจำนวนเหรียญจำกัดอยู่ที่ 120 ล้านโทเค็น ด้วยจำนวนเหรียญที่จำกัดแบบนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่าเหรียญได้ในระยะยาว โดยมีการจัดสรรเอาไว้ ดังนี้:
- 50% ของอุปทานถูกจัดสรรไว้สำหรับช่วงพรีเซลล์
- 30% ถูกจัดสรรไว้เป็นรางวัล Staking และรางวัลสำหรับการต่อสู้
- 10% ถูกจัดสรรไว้สำหรับการลิสต์เหรียญเข้า DEX
- ที่เหลืออีก 10% ถูกจัดสรรไว้เป็นรางวัลชุมชน
สิ่งที่ทำให้ Meme Kombat แตกต่างคือ Battle Arena ซึ่งเป็นเวทีเกมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้ใช้สามารถเดิมพันในการต่อสู้ระหว่างเหล่ามีมอันโด่งดัง เช่น Shiba Inu, Dogecoin, และ Pepe ได้
การต่อสู้เหล่านี้ใช้ AI เพื่อทำให้ผลลัพธ์มีความยุติธรรม ปลอดภัย และโปร่งใส โดยผู้ใช้ยังสามารถวางเดิมพันข้างในเกมต่างๆ เช่น มีมตัวไหนจะเป็นฝ่ายชกก่อน หรือการชนะจะออกมาเป็นแบบไหน
แพลตฟอร์มนำเสนอตัวเลือกการเดิมพันที่หลากหลายเป็นสามรูปแบบด้วยกัน:
- เดิมพันโดยตรง
- PvP (ผู้เล่น vs ผู้เล่น)
- PvGame (ผู้เล่น vs เกม)
ตัวเลือกการเดิมพันแต่ละรูปแบบจะมีความเสี่ยงและรางวัลแตกต่างกันไป เปิดโอกาสให้ผู้เล่นมีทางเลือกที่หลากหลายที่เหมาะกับกลยุทธ์ของแต่ละคน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มบนเว็บยังสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ Wallet ได้อย่างราบรื่น โดยธุรกรรมทั้งหมด รวมถึงการชนะและรางวัล จะถูกบันทึกแบบ On-chain ออนไลน์ เพื่อให้มีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์ที่สุด
Meme Kombat ยังมีแผนที่จะอัพเดตตัวละคร ธีม และโหมดเกมใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้รางวัลแก่ผู้ใช้
ผู้ใช้สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดได้ผ่านกลุ่ม Meme Kombat Telegram
เพดานเงินทุน | $10 ล้าน |
โทเค็นทั้งหมด | 12 ล้าน |
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ | 6 ล้าน |
Blockchain | เครือข่าย Ethereum |
ประเภทโทเค็น | ERC-20 |
ซื้อขั้นต่ำ | $10 |
ซื้อด้วย | USDT, ETH, BNB |
4. รับผลตอบแทนต่อปีกว่า 300% จาก TG.Casino ซึ่งเป็นคาสิโน Telegram ที่ใช้งาน Blockchain
TG.Casino เป็นแพลตฟอร์มคาสิโนออนไลน์แห่งนวัตกรรมที่ใช้ Blockchain และ Telegram เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ปลอดภัยและคุ้มค่า
ทางแพลตฟอร์มจะเปิดให้สมัครได้ทันทีผ่าน Telegram โดยไม่ต้องยืนยัน KYC ให้ยุ่งยาก ด้วยการเข้ารหัสที่มั่นคงของ Telegram ที่จะการันตีได้ว่าการทำธุรกรรมและข้อมูลของคุณจะปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเหนือคาสิโนทั่วๆ ไป ที่การตรวจสอบบัญชีอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก
ผู้ถือโทเค็น $TGC สามารถหาเหรียญคริปโตฟรีจากผลตอบแทนที่น่าประทับใจ 365% ต่อปี ทั้งยังมีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 25% รายสัปดาห์จากเงินที่เสียไประหว่างเดิมพันอีกด้วย
โทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม $TGC ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 0.17 ดอลลาร์ต่อโทเค็นในช่วงพรีเซลล์ที่กำลังเปิดอยู่ โดยระดมทุนไปแล้วกว่า 3.8 ล้านดอลลาร์จากเป้าระดมทุนสูงสุด 5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง
TG.Casino ใช้ประโยชน์จาก Blockchain สำหรับการทำธุรกรรม เพื่อให้สามารถฝากและถอนเงินได้ทันทีและฟรี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเหนือคาสิโนทั่วไป ซึ่งมักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับการฝากและถอนเงิน
แพลตฟอร์มดังกล่าวยังได้รับอนุญาตใน Curacao และดำเนินการภายใต้เกณฑ์ด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดย TG.Casino จะสามารถเข้าถึงได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้ VPN ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์มคาสิโนอื่นๆ
ผู้เล่นใหม่จะได้รับโบนัสเงินฝากครั้งแรก 200% สูงถึง 10 ETH ส่วนผู้เล่นเดิมที่ใช้โทเค็น $TGC ในการเดิมพันก็จะสามารถรับเงินคืน 25% รายสัปดาห์จากการขาดทุน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หาได้จากในคาสิโนทั่วไปใน Web 2.0
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังลดความผันผวนของเหรียญคริปโตให้เหลือน้อยที่สุด โดยใน TG.Casino Whitepaper อธิบายว่ารายได้ส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มจะถูกนำมาใช้เพื่อรักษาราคา $TGC ให้คงที่
ทางแพลตฟอร์มยังมีกลไกการซื้อเหรียญคืนและเผาเหรียญทิ้ง โดย 40% ของเหรียญที่ซื้อมาจะถูกเผาทิ้งไปเพื่อลดอุปทานและเพิ่มมูลค่า และเหรียญที่เหลืออีก 60% จะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือโทเค็น
เนื่องจากคาสิโน Web 3.0 สามารถเข้าถึงได้ง่ายและให้รางวัลได้มากกว่า คาสิโนเหล่านี้จึงมีศักยภาพพอที่จะกินส่วนแบ่งการตลาดจากคาสิโนแบบดั้งเดิม ด้วย Telegram ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 700 ล้านคนและยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ TG.Casino ก็อาจจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างมากนั่นเอง
คุณสามารถเข้าร่วมช่อง TG.Casino Telegram เพื่อรับข้อมูลล่าสุดได้
เพดานเงินทุน | $5 ล้าน |
โทเค็นทั้งหมด | 100 ล้าน |
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ | 40 ล้าน |
Blockchain | เครือข่าย Ethereum |
ประเภทโทเค็น | ERC20 |
ซื้อขั้นต่ำ | $10 |
ซื้อด้วย | USDT, ETH, BNB |
5. รับรางวัล Stake 40% จาก Wall Street Memes ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์เหรียญมีมที่ได้รับความนิยมใน CEX หลายแห่ง
หนึ่งในวิธีหาเหรียญคริปโตฟรีคือการเข้าร่วม Wall Street Memes ซึ่งก็เพิ่งจะประสบความสำเร็จจากการเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต Pre-sale ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งไปได้ไม่นาน และตอนนี้กำลังได้รับความนิยมใน OKX และ Huobi
นี่เป็นโปรเจกต์เหรียญมีมแบบ Stake to Earn ที่สามารถระดมทุนได้มากกว่า 25 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซลล์ และดูเหมือนว่าราคาก็พร้อมพุ่งขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะถูกเพิ่มเข้ากระดานเทรดมากขึ้น
Wall Street Melas เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มมีมในปี 2019 และมีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน โดยในปี 2021 ผู้สร้าง Wall Street Memo ได้เปิดตัวโปรเจ็กต์ NFT ดั้งเดิมของตัวเองอย่าง Wall St Bulls โดยการเปิดตัว NFT ครั้งแรกสามารถก็ขายจนหมดไป 10,000 รายการในเวลาเพียง 32 นาทีเท่านั้น
ด้วยความสำเร็จของโปรเจกต์ NFT ผู้สร้างจึงตัดสินใจสร้างความมั่งคั่งให้กับชุมชนด้วยการเปิดตัวโทเค็น $WSM เพิ่มมา
$WSM มีอุปทานโทเค็นทั้งหมด 2 พันล้านและเสนอรางวัลการ Staking มหาศาล ในขณะที่เขียน Wall Street Memes เสนอผลตอบแทนต่อปีกว่า 38% จากการ Stake $WSM
โทเค็นมากกว่า 500 ล้านโทเค็นถูกล็อกอยู่ใน Staking Pool เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมากกว่า 25% ของอุปทานโทเค็นสูงสุด ส่งสัญญาณความเชื่อมั่นจากนักลงทุนหลายคนว่าโปรเจกต์จะมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว
6. Stake เหรียญและรับผลตอบแทนมากกว่า 34,000% ต่อปีด้วย eTukTuk
อีกหนึ่งวิธีในการหาเหรียญคริปโตฟรีคือการเข้าร่วม ระบบนิเวศ eTukTuk ซึ่งเป็นโปรเจกต์รถยนต์แห่งแรกของโลกที่สร้างขึ้นบน Binance Smart Chain
eTukTuk มีเป้าหมายในการส่งเสริมการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ในประเทศที่กำลังพัฒนา
ซึ่งจะช่วยจัดการกับมลพิษที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มากเกินไป โดย eTukTuk จะช่วยพันธมิตรในพื้นที่สำหรับการติดตั้ง EVSE (อุปกรณ์จัดหายานพาหนะไฟฟ้า) ทั่วแถบชานเมืองและเมืองในประเทศที่กำลังพัฒนา
ด้วยสถานีชาร์จ EVSEse เหล่านี้ คนขับรถตุ๊กตุ๊กจะสามารถชำระเงินค่าชาร์จ EV โดยใช้โทเค็นหลัก $TUK ในการชำระเงินผ่านแอพของคนขับได้อย่างง่ายดาย โดยพันธมิตรในพื้นที่จะได้รับเปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมเป็นรางวัล อย่างไรก็ตาม ผู้ถือโทเค็นสามารถรับรางวัลเหรียญคริปโตมหาศาลได้เช่นกัน
ผู้เข้าร่วมสามารถ Stake $TUK ในโหนดพลังงาน และรับรางวัลจากการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจที่ใช้ร่วมกัน ยิ่งมีการใช้สถานีชาร์จมากเท่าไร รางวัลของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่เขียน eTukTuk เสนอผลตอบแทนต่อปีมากกว่า 34,000% จากการ Staking แม้ว่าจะลดลงเนื่องจากมีโทเค็นถูก Stake เพิ่มในระบบนิเวศ
เพื่อเริ่มรับรางวัลสูงกับ eTukTuk ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถเข้าร่วมพรีเซลล์ $TUK ได้ โดยปัจจุบันโทเค็นมีราคาเพียง 0.024 ดอลลาร์ และระดมทุนได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์นับตั้งแต่เปิดตัว
ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนนี้โดยการอ่านเอกสารข้อมูลeTukTuk และเข้าร่วมช่อง Telegram
7. Yield Farming vs Crypto Staking
Token Farming หรือที่เรียกกันว่า Yield Farming เกิดขึ้นในปี 2020 จากการเปิดตัว Compound ซึ่งเป็นโปรโตคอลปล่อยสินเชื่อ DeFi รุ่นแรกๆ โดยผู้ถือเหรียญคริปโตจะมีทางเลือกในการใช้แพลตฟอร์มการกู้สินเชื่อ เช่น Compound หรือ Aave หรือจะจัดหาสภาพคล่องโดยตรงบน Decentralized Exchange (DEX) เช่น Uniswap หรือ PancakeSwap ก็ได้เช่นกัน
ด้วยวิธี Yield Farming คุณก็จะต้องทำแบบเดียวกับการ Staking ยกเว้นว่าได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามา โดย Yield Farming จะทำได้ผ่านแหล่ง Liquidity Pool ซึ่งต่างจากกลไก Proof of Stake Blockchain โดยโทเค็นจะถูกย้ายไปยัง Liquidity Pool พร้อมผลตอบแทนสูงสุดที่ให้ได้
ส่วน Staking จะแตกต่างออกไป ซึ่งจะเป็นการที่คุณต้องล็อกสินทรัพย์ของคุณบน Blockchain (โดยทั่วไปเรียกว่ากลไก Proof of Stake) โดยเมื่อคุณล็อกโทเค็นของคุณบน Blockchain ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับ Blockchain นั้นๆ และคุณจะได้รับผลตอบแทนจากการล็อก โดยสินทรัพย์เหล่านี้จะถูกล็อกไว้ใน Staking Pool หรือ Validator Node นั่นเอง
8. ทำแบบสำรวจและภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์และเล่นเกมบน Freecash.com
Freecash.com เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในการสร้างรายได้ออนไลน์ด้วยแบบสำรวจ ภารกิจ การลงทะเบียน และเกมที่หลากหลายเพื่อรับเหรียญคริปโตได้ฟรี
โดยเว็บจะให้ถอนเงินเป็น Bitcoin, Litecoin, Ethereum และ Doge และแจกไปแล้วกว่า 25 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2020
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบที่สะอาดตา ทันสมัย และใช้งานง่าย ระบบดูแลลูกค้าที่พร้อมบริการและข้อเสนอที่โดดเด่น พร้อมสมัครได้ทั่วโลก
โดยการถอนเงินด้วยเหรียญคริปโตเริ่มต้นเพียง $0.50 – ซึ่งสามารถถอนได้โดยตรงผ่าน PayPal หรือบัตรของขวัญบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Amazon, Steam, Google Play, Netflix, Spotify, PlayStation, XBox และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการถอนโดยตรงผ่านเกมยอดนิยม เช่น Fortnite และ League of Legends
เว็บไซต์ยังมีกระดานผู้นำรายวันที่แตก $500 ต่อวัน และแจกรายเดือนที่ $2,500
Freecash.com มีชุมชนและบริการบน Discord, Facebook, Instagram, Twitter และ Reddit ในกรณีที่มีคำถามหรือปัญหา
Freecash.com ยังมีคะแนน 4.5 ดาวบนเว็บไซต์รีวิวที่เชื่อถือได้อย่าง TrustPilot
9. สร้างรายได้ TradFi จาก The Uncharted NFT
The Uncharted คือคอลเล็กชัน NFT 21,000 รายการที่นำ TradFi มาสู่ Web 3.0 โดยให้หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดในการรับเหรียญคริปโต มาดูกันว่าโปรเจ็กต์ทำงานอย่างไร
Uncharted เป็นโปรเจกต์รองของ Xeta Capital ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งที่โดดเด่น โดยการขายได้ทั้งหมดจาก The Uncharted จะไปที่ Xeta Capital Fund (XCF) ซึ่งสนับสนุนโดยอัลกอริธึม HFT (การซื้อขายความถี่สูง) ที่ปลอดภัย เมื่อกองทุนรวมตัวกันและเติบโต ส่วนแบ่งกำไรรายเดือนจะถูกแจกจ่ายกลับไปยังผู้ถือ NFT ผ่านทาง Airdrop รายไตรมาส โดยกองทุนจะดำเนินการเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นจะถูกแบ่งระหว่างผู้ถือ NFT และ The Uncharted LTD
ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องถือ NFT นาน 3 ปี แต่คุณสามารถชำระบัญชี NFT ในตลาดรองได้ตลอดเวลา
โปรเจกต์นี้ดำเนินการโดย Mark Johnson ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดการเงินระดับโลกที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรม เขาเป็นที่รู้จักจากการระดมเงินสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่ง ในขณะที่นำบางส่วนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ และ LSE Andrew Ritchings ผู้ก่อตั้ง Thomas Kelly Holdings Ltd และ Jonny Seymour ผู้เชี่ยวชาญด้าน Web 3.0 ทำหน้าที่เป็นผู้นำและหัวหน้าข่าวกรองของโปรเจกต์ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญของ The Uncharted
- เปิด TradFi สำหรับผู้ใช้ Web 3.0: แนวทางใหม่ของโปรเจกต์ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าร่วมกองทุน HFT ซึ่งเปิดให้ผู้มีรายได้สูงเข้าถึงเท่านั้น โดยจะให้ผลกำไรจากเงินทุนด้วยการลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย เพียงซื้อ The Uncharted NFT เซ็ทแรกของ 5,000 NFT จาก The Uncharted, Chapter One, The Southern Ring Nebula ซึ่งจะมีราคาเพียง $295 ใน ETH ต่อหนึ่งรายการ
- ธีมและโครงเรื่องที่มีชีวิตชีวา: ธีมที่เป็นเอกลักษณ์ของ The Uncharted ซึ่งเน้นการสำรวจอวกาศ ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เรื่องราวที่น่าประทับใจทำให้ผู้ใช้สนใจลงทุนในตลาดการเงินที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย
- ผลตอบแทนสูง: จากข้อมูลของเว็บไซต์ ผู้ใช้ 5,000 คนที่จอง Constellation Luxury ของคอลเล็กชันแรกจะมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทน 20% ต่อเดือน โดยจ่ายเป็นรายไตรมาสผ่าน Airdrop
แม้คอลเล็กชันจะมีข้อบกพร่อง เช่น 3 ปีถือเป็นเวลาที่ยาวนานในตลาด NFT ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ผลตอบแทนที่สูงก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะรอ แม้จะยังบอกไม่ได้ว่าโปรเจกต์จะดำเนินการอย่างไรในระยะยาว แต่เมื่อพิจารณาจากความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือของทีมงานแล้ว คอลเล็กชันนี้น่าจะเปิดตัวและขึ้นอันดับสูงสุดในชาร์ต NFT ในช่วงต้นปี 2024
10. ใช้บัญชีดอกเบี้ยเหรียญคริปโต
หากคุณสงสัยว่าจะรับเหรียญคริปโตฟรียังไงก็คือการใช้บัญชีดอกเบี้ยคริปโตที่ดีที่สุด โดยเป็นวิธีให้คุณรับดอกเบี้ยจากการถือครองเหรียญคริปโต ซึ่งมักจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม
ยกตัวอย่างเช่นบัญชีดอกเบี้ยของ AQRU – หนึ่งในแพลตฟอร์มชั้นนำในตลาดคริปโตที่กำลังเติบโต AQRU ให้ผู้ใช้ฝากเหรียญคริปโตและเริ่มรับดอกเบี้ยทันที โดยรองรับ 5 เหรียญคริปโตในปัจจุบัน พร้อมให้ดอกเบี้ยสูงถึง 12% ต่อปีสำหรับ Stablecoin และ 7% สำหรับ BTC หรือ ETH
อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจคือ BlockFi ที่รองรับมากกว่า 30 เหรียญบนแพลตฟอร์ม พร้อมเสนอดอกเบี้ยทบต้นและมีวิธีการสมัครที่ง่ายดาย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเก็บเหรียญคริปโตในระยะยาว
11. เริ่มการ Staking เหรียญคริปโต
Binance Academy อธิบายว่าการ Staking เป็นกระบวนการล็อกเหรียญเพื่อช่วยตรวจสอบเครือข่าย Blockchain ใหม่ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการ Proof-of-Stake (PoS) เพื่อตอบแทนการช่วยเหลือในกระบวนการตรวจสอบ ผู้เข้าร่วมที่ Stake เหรียญของพวกเขาจะได้รับเหรียญคริปโตฟรีเป็นรางวัล
โดยกระบวนการ Staking จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมมาก หนึ่งในแพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดคือ AQRU ซึ่งแม้จะไม่ได้ให้บริการ Staking แต่แพลตฟอร์มก็เสนอวิธีการสร้างรางวัลที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน
โดยรางวัลจะอยู่ที่ 12% ต่อปีสำหรับการฝาก USDC, USDT และ DAI และ 7% สำหรับการฝาก BTC และ ETH ซึ่ง AQRU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากเงินและกระบวนการสร้างดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังไม่มีระยะเวลาล็อกให้ต้องกังวล ทำให้คุณสามารถถอนเหรียญได้ตลอดเวลา
BlockFi ยังเสนอการ Staking เหรียญคริปโตซึ่งคล้ายกับ AQRU พร้อมรองรับเหรียญมากกว่า 30 สกุล และให้ผลตอบแทนสูงถึง 11% ต่อปี BlockFi ยังไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือเกณฑ์ยอดคงเหลือขั้นต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับมือใหม่
คุณรู้หรือไม่ว่า Yield farming vs Staking ต่างกันยังไง?
12. สร้างผลตอบแทนจากการเล่นเกม Play to Earn
เกมเป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้เพิ่มเติมมาโดยตลอด เช่น กีฬาอีสปอร์ต แต่ Blockchain ก็ได้เพิ่มวิธีการใหม่ๆ มากมายในการมอบรางวัลให้กับผู้เล่นด้วยเช่นกัน
เกม Web 3.0 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รางวัลแก่ผู้เล่นสำหรับเวลาและความสนใจของพวกเขา โดยคอนเซ็ปต์หลักมักจะเน้นไปที่การจูงใจให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น โดยคุณสามารถขายโทเค็นหรือสินทรัพย์ในเกมของคุณให้กับผู้เล่นคนอื่นได้ และรางวัล (NFT หรือโทเค็น) มักจะสามารถโอนข้าม Blockchain ได้ด้วย
และก็เป็นไปได้ที่จะสร้างรายได้จากการสร้าง NFT โดยที่คุณสร้างตัวละครของคุณและขายในตลาด NFT โดยในประเทศฟิลิปปินส์ ผู้เล่น Axie Infinity ก็สามารถสร้างรายได้มากมาย ซึ่งทำให้ทางรัฐบาลต้องประกาศว่ารายได้ดังกล่าวต้องมีการเสียภาษี เลยทีเดียว โดย Axie Infinity สร้างขึ้นบน Ethereum Blockchain ซึ่งเป็นเกมที่สามารถนำเหล่ามอนสเตอร์มาต่อสู้กันได้
แม้ว่า Axie Infinity จะเป็นหนึ่งในเกม P2E ที่โด่งดังที่สุด แต่ก็มีเกมอื่นๆ อีกมากมายเหมือนกัน โดย Splinterlands (เดิมชื่อ Steem Monsters) ก็ให้บริการบน Hive Blockchain พร้อมมอบรางวัลในเกมให้กับผู้เล่น ซึ่งคอลเล็กชัน Splintercards ก็สามารถนำไปขายในตลาด NFT บางแห่ง เช่น OKX ได้อีกด้วย
เกมยอดนิยมที่มอบรางวัล P2E
Ecoterra เป็นเกม Recycle to Earn(R2E) ที่ให้นักลงทุนได้ช่วยเหลือโลกและรับรางวัล (เป็นเหรียญคริปโต) สำหรับการมีส่วนร่วมของพวกเขา โดยผู้ใช้จะได้รับรางวัลโทเค็นฟรีจากการรีไซเคิลสิ่งของบางอย่างผ่านแอพพลิเคชัน R2E เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดบนสิ่งของที่จะนำไปรีไซเคิลเพื่อรับโทเค็นเท่านั้น
Decentraland (MANA) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเกม P2E แต่จะจัดอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ (เสมือน) โดยนอกจาก MAMA แล้ว ยังมีโทเค็นอีกสกุลอย่าง LAND ซึ่งคุณสามารถใช้ MAMA เพื่อซื้อ LAND, ร้านค้า, แกลเลอรี่, ของสะสม, และอีกมากมาย ทั้งยังสามารถสร้างเสื้อผ้าและอุปกรณ์สวมใส่ภายในโลก Metaverse ของ Decentraliand และนำไปขาย เปลี่ยนที่ดินเสมือนเป็นเงิน เล่นคาสิโน หรือแม้แต่ทำงานภายในโลก Metaverse ให้กับผู้เล่นคนอื่นเพื่อทำงานต่างๆ โดยจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับเกมอย่าง Decentraland นั้นก็ไม่ใช่เล็กๆ ร้อนๆ เพราะเคยมีการขายที่ดินได้ในราคา 2.4 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเหรียญ MANA มาแล้ว
Splinterlands นำเสนอการมีส่วนร่วมในเกมที่หลากหลายซึ่งช่วยให้ผู้เล่นได้รับรางวัลแบบรายวัน โดยจะครอบคลุมโหมดการเล่นที่หลากหลาย เช่น ภารกิจ การแข่งขันจัดอันดับ และทัวร์นาเมนต์
ภายในเกม ผู้เล่นจะมีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในหลายระดับ รวบรวมแพ็คการ์ด ของหายาก ยาวิเศษ และแม้แต่ Dark Energie ที่เป็นที่ต้องการสูง ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตพิเศษที่ใช้สำหรับการซื้อไอเท็มภายในร้านค้าของเกม
ส่วนเกม P2E ที่น่าสนใจอื่นๆ ที่ใช้หาเหรียญคริปโตฟรี ได้แก่ ChainMonsters และ Sandbox ซึ่งแม้ว่าเกม P2E บางเกมจะต้องมีการลงทุนก่อน (คุณต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเล่นหรือลงทุนใน NFT) แต่ก็ไม่ถือว่าจำเป็นสำหรับเกมส่วนใหญ่
13. ถือเหรียญและรออัพเดท Hard Fork
หลายๆ คนเคยได้ประโยชน์จาก Hard Fork ในอดีต โดย “Hard Fork” คือการอัพเดทที่เกิดจากการแยกตัวออกมาจาก Blockchain ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับ Ethereum เมื่อปี 2016 หลังจากเหตุการณ์แฮ็กเงิน 60 ล้านดอลลาร์ใน Decentralized Autonomous Organisation (DAO) ซึ่งนำไปสู่การแก้ไข Blockchain (อัพเดท Hard Fork) โดยตัว Blockchain ก็ได้รับการเขียนใหม่ตั้งแต่ขั้นแรกเพื่อนำเงินกลับคืนมาจากแฮกเกอร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็เกิดเป็นโทเค็นสองสกุล ได้แก่ Ethereum และ Ethereum Classic (ETC) โดย Ethereum ก็มีการแตกสายไปอีกมากมาย แต่ก็มีแค่เหตุการณ์ที่ว่าเท่านั้นที่ทำให้เกิดเหรียญสกุลใหม่
ส่วนการอัพเดท Hard Fork ก็เกิดขึ้นสำหรับผู้ถือ Bitcoin เช่นกัน เมื่อมีการแบ่งสายออกเป็น Bitcoin Cash (BCH), Bitcoin SV (BSV), และ Bitcoin Gold (BCG) ซึ่งถือเป็นการแยกตัวจาก Blockchain ครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ ในขณะนั้น โดยหลักๆ แล้วก็เกี่ยวข้องกับความกังวลเรื่องการรวมศูนย์ และเหรียญที่แยกออกมายังยึดโยงกับแนวทางในเอกสารข้อมูลต้นฉบับอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้ว ผู้ถือ BTC จะได้รับเหรียญคริปโตฟรี เพียงแค่ต้องใช้งาน Crypto Wallet ที่รองรับเหรียญใหม่และกดเคลมเหรียญเท่านั้น
หากคุณมี 10 Bitcoin (BTC) เมื่อเกิดการแยกสาย คุณจะได้รับรางวัลเป็น 10 BCH, 10 BSV, และ 10 BTG เมื่อเกิดการอัพเดท แต่คุณต้องกดรับโทเค็นด้วยตนเอง เพราะไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ
Hard Fork vs Soft Fork
Hard Fork หมายถึงการแก้ไขที่ทำกับโปรโตคอลบ Blockchain ที่ทำให้เวอร์ชันเก่าล้าสมัย โดยในกรณีที่เวอร์ชันเก่ายังคงทำงานต่อไป เวอร์ชันเหล่านั้นจะใช้โปรโตคอลที่แตกต่างกันและมีข้อมูลที่ไม่เหมือนกันเมื่อเปรียบเทียบกับเวอร์ชันใหม่ ซึ่งอาจเป็นสถานการณ์ที่ทำให้สับสนและทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้
ในทางกลับกัน Soft Fork จะตรงกันข้ามกับ Hard Fork โดยที่การแยกสายใหม่จะยังคงเข้ากันได้กับเวอร์ชันเก่า ตัวอย่างเช่น หากโปรโตคอลมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ข้อกำหนดเข้มงวดขึ้น เป็นการแก้ไขแบบผิวเผิน หรือเพิ่มฟังก์ชันที่ไม่เกี่ยวกับโครงสร้าง บล็อกที่อัพเดตก็จะได้รับการยอมรับโดยโหนดที่ทำงานบนเวอร์ชันเก่า อย่างไรก็ตามเรื่องที่ว่าเวอร์ชันล่าสุดจะปฏิเสธบล็อกจากเวอร์ชันเก่านั้นไม่เป็นความจริงเลย
โดยต้องใช้ Private Key (รหัสส่วนตัว) อันเดียวกันเพื่อเข้าถึง Fork ที่แยกมาทั้งหมด ในราคาปัจจุบัน โทเค็น (BCH, BSV, BTG) ที่ 10 เหรียญจะมีมูลค่าประมาณ 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งได้มาฟรีๆ โดยการแยกสายนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบสำคัญต่อโทเค็นเดิมเช่นกัน เรียกได้ว่านอกจากจะไม่ลดมูลค่าของเหรียญเดิมแล้ว ก็ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเหรียญเดิมได้อีกด้วย
เมื่อ BCH แยกมาจาก BTC ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 ราคา BTC ก็เพิ่มขึ้นจาก 2,700 เมื่อต้นเดือนเป็น 4,500 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือน โดยราคาของโทเค็นเดิมก็ไม่ได้มีการลดลงแต่อย่างใด เรียกได้ว่าผู้ใช้จะได้เหรียญพิเศษเพิ่มมาเท่านั้นเลย โดยนักเทรดและสถาบันจำนวนมากก็ดูเหมือนจะต้องการที่จะมีส่วนร่วมในเหรียญคริปโตที่จะมีการ Fork ในไม่ช้า และกระแสของเหรียญเองก็ดูเหมือนจะส่งเสริมระบบนิเวศของโปรเจกต์ด้วยตัวเองอยู่แล้วเช่นกัน โดยการอัพเดท Ethereum Hard Fork ก็ส่งผลให้ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นเช่นกัน
14. Derivative Staking
Derivative Staking (หรือที่เรียกว่า Liquid Staking) ที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุดจาก Web 3.0 แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากที่สุดเช่นกัน ถือเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากเหรียญคริปโตที่นำไป Stake เอาไว้และรับผลตอบแทนจากการ Staking ไปพร้อมๆ กัน
Derivative Staking ได้รับการส่งเสริมโดยบริษัทอย่าง Ankr หรือที่รู้จักในชื่อ “StakeFi” โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณ Stake โทเค็นของคุณ โทเค็นจะถูกล็อกและไม่สามารถใช้ที่อื่นได้อีกแล้ว โดยจะให้รางวัลเพิ่มขึ้น เพราะคุณจะได้รับผลประโยชน์ในหลายระดับ ทั้งยังมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึง Internet Bond จาก Ethereum
การ Staking แบบดั้งเดิมจะเป็นการล็อกเหรียญคริปโตเอาไว้ในเครือข่าย Blockchain ต่างๆ เพื่อใช้รองรับการดำเนินงานและตรวจสอบธุรกรรม อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้โดยทั่วไปจะจำกัดสภาพคล่องของเหรียญที่ถูก Stake และยังจำกัดการใช้งานในกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ แต่ Liquid Staking จะมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขข้อจำกัดที่ว่าโดยจัดให้มีกลไกในการสร้างโทเค็นที่ใช้ Stake และสร้างโทเค็นอ้างอิงที่เป็นตัวแทนของจำนวนเหรียญที่นำไป Stake
ด้วยการ Liquid Staking ผู้ใช้จะสามารถรับโทเค็นอ้างอิง ซึ่งมักเรียกว่า Derivative Staking หรือสินทรัพย์คริปโตที่ใช้ Stake (เช่น stETH สำหรับ Ethereum Staking) ซึ่งสามารถซื้อขายได้อย่างอิสระบนแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ โดยโทเค็นอ้างอิงเหล่านี้จะมีมูลค่าเทียบเท่ากับสินทรัพย์ที่นำไป Stake และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสภาพคล่องเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นต้องถอนโทเค็นของตนอีกด้วย
โดยการใช้ประโยชน์จาก Liquid Staking ผู้ใช้จะสามารถได้รับผลตอบแทนจากการ Staking และในขณะเดียวกันก็ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม DeFi อื่นๆ เช่น สินเชื่อคริปโต การกู้ หรือการเทรด ความยืดหยุ่นแบบนี้จะขยายยูทิลิตี้ของสินทรัพย์ที่ใช้ Stake และยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้ให้มากขึ้นอีกด้วย
แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า Liquid Staking ยังมีความเสี่ยงสูงกว่าการวาง Staking แบบดั้งเดิมอยู่ โดยมูลค่าของโทเค็นอ้างอิงอาจได้รับอิทธิพลจากกลไกตลาด และอาจเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่นำไป Stake นอกจากนี้ ผู้ใช้จะต้องระมัดระวังในการเลือกแพลตฟอร์มหรือโปรโตคอลที่ใช้ Liquid Staking ด้วย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่จะนำไป Stake นั่นเอง
15. มีส่วนร่วมในการแจกเหรียญ Airdrop ฟรี
หนึ่งในวิธีหาเหรียญคริปโตฟรีที่ง่ายที่สุดคือการเข้าร่วมการแจกโปรเจกต์คริปโต Airdrops ซึ่งก็หมายถึงกระบวนการแจกเหรียญคริปโตฟรีให้กับผู้ที่สนใจในโปรเจกต์นั้นๆ โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีโปรเจกต์ต้องการสร้างกระแสให้มากขึ้นสำหรับการเปิดตัวโทเค็นใหม่ เพราะการแจกเหรียญฟรีให้กับผู้คนนั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความตื่นเต้นบนโซเชียลมีเดียได้ไม่มากก็น้อย
การแจกเหรียญ Airdrop นั้นมีหลายรูปแบบ โดยอาจเป็นการแจกด้วยตนเองไปยังผู้ถือโทเค็นนั้น ๆ หรือจะสามารถดำเนินการผ่านกระบวนการอัตโนมัติตามเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น โปรเจ็กต์อาจแจกโทเค็นให้กับผู้ใช้ที่ถือเหรียญคริปโตสกุลเฉพาะหรือมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดบางอย่าง เช่น การเข้าร่วมในช่วงไวท์ลิสต์หรือการทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ
วัตถุประสงค์การแจกเหรียญ Airdrop นั้นมีมากมาย โดยข้อแรกและสำคัญที่สุดก็ถือเป็นการมุ่งมั่นที่จะสร้างความสนใจและดึงดูดให้เข้าร่วมโปรเจกต์คริปโตใหม่ ด้วยการแจกโทเค็นฟรี โปรเจ็กต์จะสามารถดึงดูดผู้ใช้ที่สนใจให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีของโปรเจกต์และกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังภายในระบบนิเวศของตัวเอง โดยเหรียญ Airdrop ยังสามารถใช้เป็นรางวัลแก่ผู้ใช้ประจำหรือใช้เพื่อทำให้โทเค็นได้รับการยอมรับมากขึ้นด้วยการทำให้โปรเจกต์มีเหรียญหมุนเวียนตั้งแต่แรก
ทางด้านผู้รับเหรียญ Airdrop ก็อาจเป็นโอกาสในการได้รับโทเค็นได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนคริปโตของตนได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนแต่อย่างใด นอกจากนี้ Airdrop ยังช่วยสร้างชุมชนและการมีส่วนร่วมมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้จะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้ถือโทเค็นที่กำลังเติบโตนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือการแจกเหรียญ Airdro นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาตามมา การแจกเหรียญบ่อยๆ อาจนำไปสู่ความอิ่มตัวของโทเค็น และลดมูลค่าของโทเค็นที่แจกลงได้ นอกจากนี้ การหลอกลวงและโปรเจกต์ปลอมก็อาจใช้คอนเซ็ปต์ในการแจกเหรียญฟรีในทางที่ผิดเพื่อหลอกลวงและดึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ไปได้เช่นกัน
16. สำเร็จหลักสูตรการศึกษา
อีกทางเลือกในการรับเหรียญคริปโตฟรีคือการสำเร็จหลักสูตรการศึกษา หรือที่เรียกว่า ‘Learn and Earn’ ซึ่งอาจฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง แต่กระบวนการนี้ก็ให้บริการโดยแพลตฟอร์มชั้นนำมากมาย โดยการหาเหรียญ Bitcoin ฟรีผ่านการสำเร็จหลักสูตรการศึกษาหรือดูวิดีโอ โดยจะมีการแจก ‘รางวัล’ เล็กน้อยเมื่อเสร็จสิ้น
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ให้บริการหลักสูตรการศึกษาคือ Coinbase ซึ่งเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ดีที่สุด โดย ‘Coinbase Earn’ จะให้รางวัลเมื่อดูวิดีโอเพื่อการศึกษาและทำแบบทดสอบ โดยบางแบบทดสอบจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าแบบอื่นๆ
เหรียญที่ได้เป็นรางวัลจะแตกต่างกันไป โดย Coinbase จะแจกโทเค็นมากกว่า 20 สกุลเป็นรางวัล ซึ่งสิ่งที่ต้องมีคือบัญชี Coinbase และคุณสามารถเริ่มเรียนหลักสูตรการศึกษาได้ทันที แต่รางวัลอาจจะไม่ได้เยอะมาก ซึ่งโดยทั่วไป รางวัลอาจมีมูลค่าเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อหลักสูตรเท่านั้น
17. ใช้งาน DeFi Lending
DeFi คือระบบนิเวศของแอพพลิเคชันทางการเงินที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้งานหน่วยงานบุคคลที่สามเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแต่อย่างใด
ทำให้มีความเป็นไปได้มากมายสำหรับกระบวนการใหม่และน่าตื่นเต้น โดย DeFi Lending เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งจะเป็นการปล่อยกู้เหรียญคริปโตของคุณแก่โปรโตคอลต่างๆ ซึ่งจะให้บุคคลอื่นกู้ และคุณจะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทน – โดยมักจะมีอัตราที่สูงกว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิมมาก
หมายความว่าคุณสามารถซื้อเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน จากนั้นปล่อยกู้ผ่านโปรโตคอล DeFi และรับประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่าและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอไปพร้อมๆ กัน โดยอัตราผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์และโปรโตคอลที่คุณใช้ โดยอาจสูงถึงกว่า 10% ต่อปีในบางสถานการณ์
สิ่งที่ยอดเยี่ยมของ DeFi Lending คือสัญญาการให้ปล่อยกู้ส่วนใหญ่มีการค้ำประกัน ซึ่งหมายความว่าผู้กู้ต้องมีหลักประกันในรูปแบบของเหรียญคริปโต และต้องมีมูลค่าสูงกว่าที่กู้ โดยจะเป็นการทำธุรกรรมผ่านสัญญาอัจฉริยะ จึงไม่มีทางที่จะโกงระบบและไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครดิต
18. รับรางวัลบัตรเครดิตคริปโต
ถ้าคุณสงสัยว่าจะรับเหรียญคริปโตฟรียังไงในกิจวัตรประจำวันของคุณ การใช้บัตรเครดิตคริปโตก็ถือเป็นอีกตัวเลือก โดยบัตรเครดิตคริปโตที่ดีที่สุด ใช้งานเหมือนกับบัตรเครดิตทั่วไปเพราะให้รางวัลเงินคืนสำหรับการซื้อ แต่จะให้รางวัลแก่ผู้ใช้ด้วยเหรียญคริปโตแทนสกุลเงินทั่วไป
เนื่องจากอัตราการยอมรับเหรียญคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้ให้บริการบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตคริปโตมากมาย โดยกระดานซื้อขาย Altcoin ที่ดีที่สุด เช่น eToro และ Crypto.com ล้วนให้บริการบัตรใช้เหรียญคริปโตเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้
สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือร้านที่รับชำระไม่จำเป็นต้องรับเหรียญคริปโตเมื่อใช้บัตรแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ให้บริการจะจัดการกระบวนการแลกเปลี่ยน เพื่อให้คุณชำระเงินเป็นเหรียญคริปโตได้ และร้านค้าจะได้รับเงินจริง ทำให้ ‘เป็นประโยชน์’ สำหรับทุกฝ่าย
รางวัลเงินคืนจะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น บัตรเครดิต Crypto.com ให้รางวัลเป็น CRO แต่เมื่อได้รับเงินคืนแล้ว ก็จะสามารถถอนออกหรือใช้เพื่อการซื้อขายได้อย่างง่ายดาย เพื่อเพิ่มขอบเขตการสร้างรายได้ของคุณให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
17. ใช้งาน Crypto Faucets
Crypto Faucets เป็นวิธีสร้างเหรียญคริปโตจำนวนเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอเมื่อทำภารกิจที่ง่ายและรวดเร็วให้สำเร็จ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีทักษะสูงและมักจะมีไม่กี่ขั้นตอน แต่เมื่อดำเนินการไปในระยะยาว ก็ถือเป็นวิธีการสร้างรายได้ที่โดดเด่น
ตัวอย่างของ Crypto Faucets อาจรวมถึงการดูโฆษณาดิจิทัล, ดูวิดีโอ, กรอก CAPTCHA, เข้าร่วมในการทดสอบ, และอื่นๆ โดยจำนวนเหรียญคริปโตที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและภารกิจ ซึ่งอาจมีจำนวนไม่มากนัก
อีกปัจจัยคือผู้ให้บริการหลายรายกำหนดให้คุณต้องมียอดคงเหลือในบัญชีจำนวนหนึ่งก่อนจึงจะสามารถถอนเงินได้ และอาจมีการจำกัดเวลาในการสะสมรางวัล ทำให้ Crypto Faucets เป็นวิธีการยุ่งยากในระยะยาว และมีชื่อ ‘เสีย’ ในด้านการซื้อขายที่น่าสงสัย ดังนั้นจึงควรศึกษาอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้โดนหลอก
รับรางวัลเหรียญคริปโต vs รางวัลเงินสดอะไรดีกว่ากัน?
ในช่วงปีที่ผ่านมา เหรียญคริปโตได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยมีกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ๆ ที่มีกรณีการใช้งานหลากหลาย (โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเงินแบบกระจายอำนาจ) และยังช่วยให้สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ได้โดยตรง
เหตุผลหลักๆ สองข้อในการเลือกรางวัลเหรียญคริปโตแทนรางวัลเงินสดคือโอกาสในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น และความจริงที่ว่าผู้ถือเหรียญจะยังคงเป็นเจ้าของ Private Key และสินทรัพย์คริปโตด้วยนั่นเอง
โอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น vs สกุลเงินทั่วไป
เป็นที่รู้กันว่าเหรียญคริปโตมีอัตราผลตอบแทนที่น่าประทับใจ แม้ว่าผลตอบแทนที่ว่านี้จะไม่รับประกันและมีความเสี่ยงสูงขึ้นก็ตาม โดยเมื่อคุณได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโต มูลค่าตลาดอาจเพิ่มขึ้นในระดับสูงได้ ซึ่งก็แตกต่างกับการได้รับรางวัลฟรีเป็นเงินสด/สกุลเงินทั่วไป ซึ่งไม่ได้มีมูลค่ามากนัก
สกุลเงินทั่วไปมักจะอ่อนค่าลงจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หมายความว่ารางวัลที่เป็นสกุลเงินทั่วไปจะลดลงเมื่อมีการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม คริปโตเคอเรนซี่มักถูกสร้างขึ้นภายในระบบนิเวศที่อุปทานจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
ถ้าคุณได้รับเหรียญคริปโตฟรีเป็น Bitcoin (BTC) เมื่อปี 2020 ราคาจะอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์ต่อโทเค็น โดยก่อนปี 2021 ราคาก็ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 69,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (เกือบ 12,000%) ซึ่งมักจะไม่เห็นได้ง่ายๆ ในระยะสั้นๆ
แม้ว่าผลตอบแทนดังกล่าวจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ก็ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณได้รับเงินคืนหรือรางวัลในรูปแบบใดๆ ที่แจกเป็นเหรียญคริปโต ก็อาจจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อย่างมากเมื่อเทียบกับรางวัลเงินสดนั่นเอง
ความปลอดภัยและการเป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยตรง
เมื่อคุณถือเหรียญคริปโต คุณกำลังถือว่าคุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่เป็นของคุณเพียงผู้เดียว ข้อเท็จจริงนี้ทำให้สร้างความแตกต่างจากรางวัลและสิ่งจูงใจรูปแบบอื่นๆ ที่เจอได้ในโลก Web 2.0 ซึ่งถูกครอบงำด้วยสกุลเงินมั่วไป โดยธุรกรรมจะไม่มีการติดตามและตรวจสอบสำหรับเหรียญคริปโต และการไม่เปิดเผยตัวตนก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
คุณจะได้รับชุด Private Key เมื่อคุณติดตั้งตัวระบุ Crypto Wallet แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ทำรหัสเหล่านี้หาย แม้ว่าการเป็นเจ้าของโดยตรงจะดี แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย ถ้าคุณทำรหัสหาย เหรียญคริปโตของคุณก็จะเสียไปทันที
โดยทั่วไปจะไม่มีการติดตาม การตรวจสอบ หรือการยืนยัน KYC แต่คุณจะสามารถโอนเหรียญคริปโตไปยังที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ ซึ่งรวมถึงแอพพลิเคชัน DeFi ที่จะให้ผลตอบแทนแบบทบต้น ไปสู่การทำ Yield Farming หรือจะโอนไปให้เพื่อนในประเทศให้เพื่อนในประเทศที่ต้องการการสนับสนุน โดยรากฐานคือคุณสามารถควบคุมเหรียญของคุณและกำหนดว่าเหรียญจะถูกส่งไปที่ไหนได้
นี่เป็นเหรียญคริปโตของคุณและคุณสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากเหรียญได้ โดยประเด็นที่ว่าอาจจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีก เช่น การเพิ่มขอบเขตในการละเมิดความเป็นส่วนตัวของรัฐบาล และการปราบปรามด้านกฎระเบียบของเหรียญคริปโตที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Privacy Coin
ความเสี่ยงของรางวัลคริปโต
รางวัลคริปโตมีข้อดีมากมายด้วยกัน แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนสนใจก็เป็นสิ่งที่ทำให้รางวัลมีความเสี่ยงเช่นกัน เช่น ความผันผวนที่สูงและการขาดกฎระเบียบที่อาจทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (ในบางกรณี) แต่ยังส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการปั่นตลาด การแฮ็ก และการหลอกลวงอีกด้วย
1. การขาดกฎระเบียบ
การขาดกฎระเบียบในตลาดคริปโตเรียกได้ว่าเป็นปัญหาหลักสำหรับนักลงทุนทุกคนก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นคดีศาลระหว่าง Ripple และ ก.ล.ต. เมื่อปีที่แล้ว และการที่ทาง ก.ล.ต. กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Binance และ Coinbase ซึ่งเป็นสองกระดานแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การขาดกฎระเบียบจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักต้มตุ๋นเข้าสู่ตลาดด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อฉ้อโกงนักลงทุน ตลาดคริปโตที่ไม่ได้รับการควบคุมจะมีแนวโน้มที่จะถูกปั่นมากกว่าตลาดที่มีการกำกับดูแล ซึ่งอาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาเหรียญได้นั่นเอง หน่วยงานกำกับดูแลยังสามารถสั่งห้ามซื้อขายเหรียญบางสกุลได้ ทำให้มูลค่าของเหรียญคริปโตมีความผันผวน
นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดที่ไม่ได้รับการควบคุม การติดตามข่าวสารและระมัดระวังเมื่อลงทุนในตลาดคริปโตจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
2. ความผันผวน
ตลาดคริปโตขึ้นชื่อในเรื่องความผันผวน ซึ่งเป็นผลกระทบที่สำคัญเนื่องจากนักลงทุนมักจะขายโทเค็นหรือเครื่องมือทางการเงินของตนในช่วงขาลงและซื้อเหรียญในตอนขาขึ้น หรือเรียกอีกอย่างก็คือ พวกเขาซื้อเหรียญในราคาสูงและขายในราคาถูก ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการออมหรือลงทุน
ถ้าคุณกำลังพิจารณาที่จะออมหรือรับรางวัลเป็นเหรียญคริปโตแทนเงินสด คุณก็จำเป็นต้องตระหนักถึงอันตรายจากความผันผวน โดยคุณอาจออมเงินสำหรับเป้าหมายเฉพาะ (บ้าน รถยนต์ งานแต่งงาน วันหยุด คอมพิวเตอร์ อื่นๆ) เป็น BTC หรือ ETH แต่สินทรัพย์เหล่านี้อาจมีมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเหรียญเหล่านี้จะมีเสถียรภาพมากที่สุดตามปริมาณการซื้อขายก็ตาม
โทเค็นที่รู้จักน้อยนั้นมีความผันผวนมากกว่าเนื่องจากมีปริมาณการเทรดต่ำกว่า โดยมูลค่าตลาดที่ต่ำกว่าทำให้สถาบันขนาดใหญ่ (นักลงทุนรายใหญ่) สามารถซื้อเหรียญจำนวนมากได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการขึ้นและลงของราคานั่นเอง
3. การถูกแฮ็กบัญชีที่และการทำรหัสหาย
ความเสี่ยงที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดอีกอย่างของเหรียญคริปโตก็คือจะไม่มีการช่วยเหลือเมื่อเหรียญสูญหายหรือถูกขโมย ถ้าคุณลืมรหัสเข้า Crypto Wallet เหรียญของคุณก็จะหายไปด้วย ถ้าคุณโอนเหรียญคริปโตไปให้นักต้มตุ๋น เหรียญของคุณก็จะหาย (โดยมีข้อยกเว้นอยู่ด้วย เช่น เมื่อมีหน่วยงานรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเมื่อ Blockchain ทั้งหมดได้รับการปรับปรุง เช่น ในกรณีของ Ethereum)
แม้จะไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่ทำ Private Key หาย แต่ก็มีหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ มากมาย โดยมีรายงานว่ามีคนทำฮาร์ดไดรฟ์หาย ซึ่งข้างในมี BTC จำนวน 7,500 เหรียญ (225,000,000 ดอลลาร์) ถ้าเขาเก็บ Private Key ไว้อย่างปลอดภัย เขาก็จะสามารถกู้เหรียญกลับคืนมาได้ โดยรหัส พวกนี้ควรได้รับการจัดเก็บไว้เป็นไฟล์ข้อความในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน ไม่เช่นนั้นอาจถูกดึงข้อมูลได้ง่ายๆ
แม้แต่ Centralized Exchange ก็ไม่ปลอดภัย แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิมมากก็ตาม โดยในช่วงปลายปี 2022 แฮกเกอร์ได้ขโมยเงิน 477 ล้านดอลลาร์กระดานเทรด FTX ที่ปิดตัวไป และจากเหตุการณ์ Atomic Wallet ก่อนหน้านี้ ที่ทำให้แม้แต่ Hardware Wallet ก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน
แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณสามารถป้องกันเหรียญคริปโตของคุณได้ การทำ Private Key ซ้ำสองอันก็ถือเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความปลอดภัย และการแฮ็กส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนถูกหลอกดึงเหรียญหรือเมื่อพวกเขาลืม Private Key ไปเท่านั้น
วิธีใช้ประโยชน์สูงสุดจากรางวัลคริปโต
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกวิธีหาเหรียญคริปโตฟรีที่ดีที่สุดแล้ว คุณอาจต้องคำนึงถึงวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากเหรียญของคุณด้วย โดยทางเลือกที่ดีคือการตรวจสอบผลตอบแทนจากการ Staking และ Yield Farming เพื่อให้สามารถตัดสินได้ว่าจะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงเวลาที่กำหนด
Binance มีประโยชน์สำหรับใครที่ต้องการรวมเหรียญที่ถือทั้งหมดไว้บนแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์มากมาย เช่น ตลาด NFT, บริการ Staking, โทเค็นใหม่, Launchpad, การเทรด, สัญญาสิทธิล่วงหน้า, สินเชื่อ, เงินคืน, และอื่นๆ โดยแนวคิดคือการใช้ประโยชน์จากวิธีหาเหรียญฟรีข้างต้นให้ได้มากที่สุด เช่น Airdrop, Staking, Play to Earn, เงินคืน, และอื่นๆ เพื่อให้วิธีทั้งหมดกลายเป็นสร้างผลตอบแทนจากที่เดียวนั่นเอง
นำเหรียญคริปโตฟรีมาลงทุนเพิ่ม
มีเครื่องคำนวณ DeFi บนอินเทอร์เน็ตช่วยคุณวางแผนการลงทุนมากมาย โดยคุณสามารถดูได้ว่าโปรโตคอลใดให้รางวัล Staking สูงสุด ซึ่งตอนนี้ Polkadot (DOT) มอบรางวัลมากถึง 15% หลักการแห่งความมั่งคั่งที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยก็คือป้องกันเงินลงทุน ทำให้งอกเงย และลงทุนเพิ่ม ซึ่ง DeFi ก็สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้ โดยเครื่องคำนวณบนอินเทอร์เน็ตเหล่านี้จะสามารถช่วยในเรื่องของผลตอบแทนที่คุณจะได้รับในช่วงเวลาที่กำหนด ดังนั้นคุณจึงสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินใดๆ ที่คุณมีได้ แม้ว่าเครื่องคำนวณจะทำงานโดยอิงตามอัตราผลตอบแทน/อัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ไว ซึ่งก็อาจจะไม่มั่นคงนัก
การติดตามเว็บไซต์โซเชียลมีเดียหลักๆ เช่น Reddit, YouTube, Twitter, และ Discord ก็สามารถช่วยเพิ่มรางวัลคริปโตได้เช่นกัน เช่น ช่อง PaidFromSurveys บน Youtube ที่มุ่งเน้นไปที่วิธีหาเหรียญคริปโตฟรีที่ดีที่สุด รวมถึงข้อเสนอล่าสุด และยังเจาะลึกละเอียดกว่าแบบสำรวจ ทั้งยังมีกระทู้ Reddit ที่เป็นการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีหาเหรียญคริปโตฟรีที่ดีที่สุด พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมอีกด้วย
ส่วนกระดานเทรดและแอพพลิเคชันก็มักเปลี่ยนโปรโมชั่นและข้อเสนอบ่อยๆ ซึ่งก็มีโปรเจกต์มาใหม่มากมายที่เปิดตัวในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง และก็มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อภายใน Web 3.0 ที่อาจทำให้กลยุทธ์ที่มีประโยชน์ที่สุด เปลี่ยนเป็นไม่มีประโยชน์ได้อย่างทันทีทันควัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะค้นหาแหล่งข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดนี้เอาไว้ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายๆ
วิธีรับเหรียญคริปโตฟรี – บทสรุป
โดยสรุป การทำความเข้าใจในวิธีรับเหรียญคริปโตฟรีอาจเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนคริปโตมือใหม่ แม้ว่าเราจะได้อธิบายถึงวิธีการรับเหรียญอย่างปลอดภัยและได้จริงไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังและติดตามข่าวสารตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการหลอกลวง
คุณสามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องเสี่ยงในเรื่องไม่จำเป็นได้ผ่านการใช้งานแพลตฟอร์มและวิธีการที่เชื่อถือได้ตามที่เราอธิบายไปข้างต้น