ในขณะที่โลกกำลังตามล่าหาคริปโตเคอเรนซี่ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การลงทุนในเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะแยกเหรียญที่ไม่น่าสนใจ ออกจากเหรียญที่มีโอกาสการเติบโตสูง
คู่มือนี้จะรีวิวบรรดาเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุด รวมถึงอธิบายว่าเหรียญ proof of stake คืออะไร เหรียญ proof of stake มีอะไรบ้าง ข้อดี ข้อเสีย proof of stake และดูว่า Proof of Work vs Proof of Stake ต่างกันยังไง ไปดูกัน
สุดยอด 11 เหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดในปี 2023
เราได้สรุป 11 เหรียญ proof of stake ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถค้นหาโครงการที่จะเติบโตในอนาคตได้ง่ายขึ้น และรีวิวเหรียญ pos โดยละเอียดด้านล่างนี้
- Bitcoin ETF Token – เสนอโอกาสที่น่าดึงดูดใจสำหรับใครที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นของตลาดคริปโต ด้วยการอนุมัติของ Bitcoin ETF พร้อมผสมผสานระหว่างผลตอบแทนต่อปีจากการ Staking ที่สูง โดยโครงสร้างของพรีเซลล์จะสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และโมเดลการลดอุปทานทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากรางวัลระยะสั้นและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
- Bitcoin Minetrix – นิยามใหม่ของการขุด Bitcoin ด้วยทางเลือกที่ยั่งยืน ใช้งานง่าย และปลอดภัยมากขึ้น โดยใช้โมเดล Staking to Mine เพื่อสร้างเส้นทางสำหรับแนวทางปฏิบัติในการขุดที่ครอบคลุมและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวระดมทุนได้มากกว่า 2.4 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากเปิดตัว
- Meme Kombat – เหรียญ PoS แบบ ERC20 ที่สร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงที่ 112% ต่อปี มาพร้อมกับตัวเลือกการเดิมพันที่หลากหลายจากการต่อสู้กันของเหล่าตัวละครมีม โดยการเดิมพันจะถูกประมวลผลบน Blockchain ให้ออกมาเป็นอนิเมชั่นที่เรนเดอร์โดย AI เพื่อฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ พรีเซลล์ระดมทุนได้มากกว่า 700,000 ดอลลาร์และยังมีทีมงานที่โปร่งใสอีกด้วย
- TG.Casino – เหรียญ Proof of Stake บน Ethereum ที่ให้ผลตอบแทน 365% ต่อปี พร้อมเงินคืน 25% สำหรับเงินที่เสียไปจากการเดิมพันด้วยเหรียญหลัก ทั้งยังเป็นคาสิโนที่ได้รับใบอนุญาตโดยไม่ต้องยืนยัน KYC พร้อมรองรับการฝาก/ถอนด้วยเหรียญคริปโตทันที และสามารถเล่นบน Telegram ได้เต็มรูปแบบ คาสิโนเปิดให้บริการและสามารถวางเดิมพันได้เป็นที่เรียบร้อย
- BNB – เหรียญคริปโตสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
- Tezos – Blockchain ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- Polkadot – เหรียญ proof of stake ที่เน้นการทำงานร่วมกัน
- Solana – เครือข่ายสัญญาอัจฉริยะความเร็วสูง
- Avalanche – เหรียญทางเลือกจาก Ethereum ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
- Algorand – เครือข่ายที่รวดเร็วและยั่งยืน
- Cardano – Blockchain Layer 1 ที่มีความปลอดภัยสูง
รีวิวสุดยอดเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดที่น่าซื้อ
คงจะไม่มีเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุด หากไม่มีการรีวิวในส่วนต่อไปนี้
1. Bitcoin ETF Token – เหรียญ Proof of Stake โดยรวมที่ดีที่สุด พร้อมรางวัล Staking ระดับสูงและโมเดลการลดอุปทาน
Bitcoin ETF Token ($BTCETF) เป็นเหรียญ Proof of Stake มาใหม่ที่กำลังมาแรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF จาก ก.ล.ต. ที่คาดการณ์เอาไว้ โดยมีโครงสร้างรางวัลที่เชื่อมโยงกับอนาคตของ Bitcoin ETF และมอบสิทธิประโยชน์ในการ Staking มากมาย
พรีเซลล์ของ $BTCETF แบ่งออกเป็น 10 รอบ โดยราคาจะเพิ่มขึ้นในทุกรอบ เริ่มต้นที่ 0.005 ดอลลาร์ต่อโทเค็น และราคาถูกกำหนดให้เพิ่มขึ้นเป็น 0.0068 ดอลลาร์ในรอบสุดท้าย ซึ่งให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจถึง 36% สำหรับนักลงทุนในช่วงแรกๆ โดยพรีเซลล์ก็ได้นังความนิยมอย่างมาก พร้อมระดมทุนได้มากกว่า 230,000 ดอลลาร์ภายในสี่วันหลังจากเปิดตัว ซึ่งเน้นย้ำถึงความสนใจของนักลงทุนที่แข็งแกร่ง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ $BTCETF คืออัตราผลตอบแทนต่อปี (APY) จากการ Staking ที่สูง โดยเริ่มต้นมากกว่า 900% ในช่วงแรก และเมื่อมีโทเค็นที่ถูกนำไป Stake อัตราผลตอบแทนต่อปีก็คาดว่าจะลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของการเข้าซื้อเหรียญตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดนั่นเอง
อุปทานรวมของ $BTCETF ถูกจำกัดไว้ที่ 2.1 พันล้านโทเค็น โดยเหรียญจำนวนมาก (840 ล้านเหรียญ) ได้รับการจัดสรรสำหรับไว้สำหรับขายในช่วงพรีเซลล์ และอีก 525 ล้านเหรียญถูกสำรองไว้เป็นรางวัล Staking
ประกอบกับกลยุทธ์ในการรักษามูลค่าของเหรียญในระยะยาว โทเค็นอีก 525 ล้านโทเค็นจะถูกเผาทิ้งไปทีละน้อย ซึ่งเกิดได้จากจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ETF
จุดสำคัญเหล่านี้ ได้แก่ การอนุมัติของ ก.ล.ต. การเปิดตัว Bitcoin ETF แรก และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ Bitcoin ETF สามารถแตะมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ได้ และอีกมากมาย
นักลงทุนสามารถซื้อ $BTCETF โดยใช้ ETH, USDT, MATIC, BNB หรือผ่านการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้ในหน้าพรีเซลล์ ซึ่งจะสามารถใช้งาน Ethereum Wallet ที่รองรับได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ การซื้อด้วย MATIC และ BNB จะไม่สามารถรับรางวัลจากการ Staking ได้
ใครที่สนใจลงทุนก็สามารถเข้าร่วมกลุ่ม Telegram เพื่อติดตามข้อมูลการอัพเดทล่าสุดและการสนทนาในชุมชนได้
โปรเจกต์มี Bitcoin ETF Whitepaper สำหรับใครที่ต้องการทำความเข้าใจกลไกการให้เหรียญเป็นรางวัลและแผนการพัฒนาในอนาคตเพิ่มมากขึ้น
เพดานเงินทุน
$4.956 ล้าน
โทเค็นทั้งหมด
2.1 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
840 ล้าน
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC-20
ซื้อขั้นต่ำ
ไม่มี
ซื้อด้วย
USDT, ETH, BNB, MATIC, บัตรเครดิต
2. Bitcoin Minetrix – เหรียญมาแรงที่ทำให้การขุดบิทคอยน์ง่ายขั้นสำหรับมือใหม่ พร้อมโอกาสในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟ
Bitcoin Minetrix ($BTCMTX) อาจเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่จะมาแรงในวงการการขุดเหรียญบิทคอยน์บนคลาวด์ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวการขุดเหรียญในรูปแบบใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายกับความยั่งยืนเข้าด้วยกัน
พรีเซลล์ของโปรเจกต์เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ และก็กลายเป็นที่สนใจอย่างมาก จากอุปทานทั้งหมด 4 พันล้าน $BTCMTX โทเค็น 2.5% ถูกเก็บไว้สำหรับการขุด และ 7.5% มีไว้สำหรับการ Staking โดยราคาพรีเซลล์ปัจจุบันอยู่ที่ 0.0112 ดอลลาร์ และมีทั้งหมด 39 รอบ ซึ่งระดมทุนไปได้มากกว่า 2.4 ล้านดอลลาร์แล้วเป็นที่เรียบร้อย
โมเดล “Stake-to-Mine” ถือเป็นแกนหลักของแพลตฟอร์ม ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกระบวนการขุด บิทคอยน์แบบเดิมๆ ที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์จำนวนมาก
แทนที่จะต้องใช้เครื่องขุดราคาแพงและต้องใช้พลังงานสูง ผู้ใช้จะสามารถ Stake เหรียญ $BTCMTX เพื่อเริ่มขุดได้ทันที
และเพื่อเป็นการตอบแทน พวกเขาจะได้รับเครดิตการขุดที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ เมื่อเครดิตเหล่านี้ถูกเผาทิ้ง พวกเขาก็จะได้รับ BTC เป็นรางวัล แนวทางนี้ทำให้การขุด Bitcoin สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขุดแบบดั้งเดิม เช่น การหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเป้าระดมทุนสูงสุด 32 ล้านดอลลาร์สำหรับการพัฒนาแพลตฟอร์ม ผลตอบแทนจากการ Staking และแคมเปญการตลาด
Bitcoin Minetrix Whitepaper ระบุเอาไว้ว่าแดชบอร์ดของแพลตฟอร์มเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก
ตัวแดชบอร์ดให้ภาพรวมที่ใช้งานง่าย โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกตั้งแต่การคาดการณ์ผลตอบแทน BTC รายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ไปจนถึงข้อมูลเฉพาะ เช่น พลังการขุด และตัวชี้วัดเครดิตการขุด ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการขุด ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นจากคอมพิวเตอร์หรือมือถือ
Bitcoin Minetrix มีจุดยืนในด้านการนำแนวทางการขุดบนคลาวด์มาใช้ โดยทำให้เหรียญโดดเด่นออกมาในฐานะโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมที่มักจะส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อม
ตัวโปรเจกต์ผ่านการตรวจสอบอัจฉริยะจาก Third Party เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทเพื่อความโปร่งใสและความปลอดภัย
สำหรับใครที่อยากติดตามความคืบหน้าก็สามารถติดตามได้ที่ Bitcoin Minetrix on X (Twitter) และช่อง Telegram
โทเค็น
$BTCMTX
โทเค็นทั้งหมด
4 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
2.8 พันล้าน
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC-20
ซื้อขั้นต่ำ
$10
ซื้อด้วย
USDT, ETH, BNB, บัตรเครดิต
3. Meme Kombat – เหรียญ Proof of Stake ที่ให้ผลตอบแทน 112% โปร่งใสสูง และรองรับการเดิมพันในมีมแบบสด
Meme Kombat ($MK) เป็นเหรียญ Proof of Stake แบบ ERC20 ที่มีผลตอบแทนสม่ำเสมอ 112% ต่อปี ซึ่งยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มเปิดพรีเซลล์ ถือเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ตรงกันข้ามกับความผันผวนของโปรเจกต์แบบ Proof of Stake ในตลาด
นอกเหนือจากผลตอบแทนต่อปีแล้ว นักลงทุนยังสามารถได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนจากการเดิมพันอย่างถูกต้อง นี่คือแพลตฟอร์มการต่อสู้ระหว่างเหล่าตัวละครมีม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่สามารถสร้างกระแสในตลาดได้ โดยจะนำเอามีมที่โด่งดังที่สุดในโลก (มักจะมีผู้ติดตามออนไลน์จำนวนมาก) มาต่อสู้กัน ดังนั้นคุณอาจเห็น Doge vs Floki, Sponge vs Wojack หรือ Pepe vs Shiba Inu ก็เป็นได้
ผู้ใช้จะสามารถวางเดิมพันได้สามรูปแบบ (P v P, Direct หรือ P v Game) และยังเดิมพันข้างได้อีกด้วย เพื่อทำให้มีความหลากหลายและการมีส่วนร่วมมากขึ้น โดยการเดิมพันจะไม่ได้ใช้ดวงแบบ 50/50 แต่อัตราต่อรองนั้นจะมีความเป็นธรรม และยังสามารถค้นหาข้อมูลการต่อสู้ที่ต้องการเดิมพันได้ โดยฟีเจอร์การเดิมพันและรูปแบบการต่อสู้มีแนวโน้มที่จะได้รับการพัฒนามากขึ้นหลังจบซีซันแรก
นี่เป็นแพลตฟอร์มที่มีความโปร่งใสสูงเช่นกัน แม้ว่าอุตสาหกรรมมีมจะเป็นที่รู้กันว่าเป็นวงการที่เต็มไปด้วยผู้ให้บริการที่ไม่ซื่อสัตย์ แต่ทางโปรเจกต์ Meme Kombat ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น โดยทางผู้พัฒนาได้เปิดเผยตัวตนและสามารถตรวจสอบได้บน LinkedIn ทั้งยังไม่พบปัญหาระดับปานกลางหรือปัญหาระดับสูงจากการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะของบุคคลที่สามจาก Coinsult แต่อย่างใด
สุดท้ายนี้ ยังไม่มีการสำรองเหรียญไว้ให้กับทีมงานหลัก จากโทเค็น MKK จำนวน 120 ล้านดอลลาร์ 50% จะถูกจัดสรรไว้สำหรับพรีเซลล์ 30% สำหรับการ Staking 10% ให้กับ DEX และ 10% ให้กับชุมชน ราคาอยู่ที่ 0.1667 ดอลลาร์ต่อเหรียญ และมูลค่าสูงสุดสำหรับโปรเจกต์ DeFi นี้อยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเซลล์ ผู้ใช้สามารถอ่านต่อได้ที่ Meme Kombat Whitepaper
นอกจากนี้ การเข้าร่วมโซเชียล เช่น Telegram และ Twitter ก็ถือเป็นไอเดียที่ดีเช่นกัน
โทเค็น
$MK
โทเค็นทั้งหมด
120 ล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
60 ล้าน
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC20
ซื้อขั้นต่ำ
$10
ซื้อด้วย
USDT, ETH, BNB
4. TG.Casino – เหรียญ PoS แบบ ERC ที่ให้ผลตอบแทน 365% ต่อปีพร้อมเงินคืน 25% โดยเป็นคาสิโนที่สามารถเล่นได้ผ่าน Telegram
TG.Casino ($TGC) เป็นพรีเซลล์มาแรงที่นำเสนอแนวทางในการเข้าถึงคาสิโนในรูปแบบใหม่ โดยเป็นคาสิโน Web 3.0 ที่ไม้ต้องยืนยัน KYC, เล่นได้ผ่าน Telegram, ไม่ต้องลงทะเบียน, ไม่มีซอฟต์แวร์ และสามารถฝาก/ถอนเหรียญคริปโตได้ทันที
นี่ถือเป็นสิ่งใหม่ที่นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่คาสิโนแบบดั้งเดิมไม่สามารถเทียบกับ TG.Casino ได้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม $TGC จึงเป็นโทเค็นที่จะเติบโตได้มหาศาลในอนาคต
$TGC เป็นเหรียญ Proof of Stake บน Ethereum โดยให้ผลตอบแทนต่อปี 365% ในปัจจุบัน ส่วนใครที่แพ้เดิมพันจากการใช้โทเค็น $TGC ก็สามารถรับเงินคืนได้ 25% โดยทางคาสิโนจะใช้เปอร์เซ็นต์ของกำไรเพื่อเผาโทเค็นทิ้งและให้รางวัลผู้ใช้ด้วยการ Staking และโบนัสอื่นๆ
คาสิโนยังมีเกมชั้นนำหลายร้อยเกมและพร้อมให้เล่นทันที แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงพรีเซลล์ก็ตาม โดยพรีเซลล์ระดมทุนได้ 1.4 ล้านดอลลาร์จากเป้าระดมทุนที่ 5 ล้านดอลลาร์ และเหรียญมีราคาอยู่ที่ 0.1375 ดอลลาร์ในตอนนี้ (ราคาอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต)
นอกเหนือจาก Utility Token แล้ว TG.Casino ยังมีความเป็นเลิศในแง่ของตำแหน่งทางการตลาด โดย Telegram มีผู้ใช้มากกว่า 700 ล้านคนเมื่อตอนต้นปี 2023 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นพันล้านคนในอีกไม่ช้า โดยหลายๆ คนก็มีเหรียญคริปโตและ Telegram กันอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะฝากเงินและเริ่มเล่นได้ทันที
แม้ว่าอุตสาหกรรมคาสิโน Web 2.0 มีมูลค่า 263 พันล้านดอลลาร์ และอุตสาหกรรมคาสิโน Web 3.0 มีมูลค่าเพียง 250 ล้านดอลลาร์ – น้อยกว่า 0.1% แต่นั่นก็เป็นเพราะอุตสาหกรรมคาสิโน Web 3.0 ให้รางวัลแก่ผู้ใช้และเข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก และก็พร้อมที่จะคว้าส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่แล้ว และทาง TG.Casino ก็เป็นหนึ่งในคาสิโนแรกๆ ที่จะได้รับประโยชน์ในครั้งนี้นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ถูกต้องตามกฎหมาย 100% โดยทาง TG.Casino คือได้รับใบอนุญาตในเขตอำนาจศาลของ Curacao
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ใน Whitepaper และTG.Casino Twitter
เพดานเงินทุน
$5 ล้าน
โทเค็นทั้งหมด
100 ล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
40 ล้าน
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC20
ซื้อขั้นต่ำ
$10
ซื้อด้วย
USDT, ETH, BNB
5. BNB – เหรียญคริปโตสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
BNB ของ Binance เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในตลาด ซึ่งมีชื่อเสียงในปี 2021 ในฐานะเหรียญ Proof of Stake Blockchain ที่มีค่าธรรมเนียมไม่แพงซึ่งออกแบบโดย dApps บน Web 3.0
ตอนแรก เหรียญถูกสร้างขึ้นเพื่อเสริมระบบนิเวศของ Binance และให้รางวัลแก่ผู้สนับสนุนด้วยค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำและเป็นโอกาสการลงทุนที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ หลังจากนั้น BNB ได้แยกไปสู่ตลาดสัญญาอัจฉริยะ โดยการเปลี่ยนจาก Binance Chain เป็น Binance Smart Chain (BSC) ตอนนี้สามารถสร้างโปรเจกต์โดยใช้ BEP ซึ่งคล้ายคลึงกับมาตรฐาน ERC ของ Ethereum นั่นเอง
เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม BNB (และทุกโครงการที่ใช้ BEP) จะเป็นการใช้กลไก Proof of Staked Authority (PoSA) ซึ่งจะเป็นการให้ผู้ตรวจสอบการล็อคเหรียญต้อง Stake BNB จำนวนหนึ่งเพื่อยืนยันบล็อก โดยรับค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมบนบล็อกดังกล่าว
ด้วย Binance Smart Chain ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ของ Blockchain ที่ใหญ่ที่สุดในตลาด จึงน่าจะเป็นหนึ่งในเหรียญ Proof of Stake ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน จากที่กล่าวมา อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดคริปโต ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบและศึกษาให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
6. Tezos – Blockchain ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Tezos (XTZ) เป็นเหรียญ Proof of Stake ที่มีสัญญาอัจฉริยะเช่นเดียวกับ Ethereum อย่างไรก็ตาม Tezos มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครเพราะอัพเกรดได้ง่าย ซึ่งหมายความว่าการพัฒนาใหม่ๆ สามารถทำได้โดยไม่ต้องแยกเครือข่ายออกจากกัน แม้ว่าสิ่งนี้อาจฟังดูไม่สำคัญ แต่ก็ช่วยให้เครือข่ายอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก
Proof of Work และ Proof of Stake Blockchain ที่เก่ากว่าจำนวนมากนั้นไม่สามารถอัพเกรดได้ง่ายๆ เนื่องจากสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีมีขีดจำกัด แม้ว่าสิ่งนี้จะได้รับการแก้ไขบางส่วนด้วยการอัพเกรด Forks และ Merge แต่กระบวนการนี้ยังคงยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม Tezos ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นด้วยการสร้างเครือข่ายที่ขยายได้ง่าย ซึ่งสามารถอัพเกรดได้ตลอดเวลา และเป็นการอัพเดตที่คล่องตัวอย่างมาก
ด้วยการที่ Tezos สามารถพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทคโนโลยีใหม่ได้รับการพัฒนา จึงสมควรได้รับตำแหน่งเหรียญ Proof of Stake ที่น่าลงทุนมากที่สุดและยังเป็นเหรียญคริปโตมาแรงอีกด้วย
7. Polkadot – เหรียญ proof of stake ที่เน้นการทำงานร่วมกัน
Polkadot (DOT) เป็นเหรียญ proof of stake ที่เข้ามาแก้ปัญหาการทำงานร่วมกันข้ามเครือข่ายผ่านการใช้ Parachains ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ให้ทำธุรกรรมคู่ขนานกันได้
นับตั้งแต่มีการสร้างเหรียญคริปโต โปรเจกต์ที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายที่แตกต่างกันจะทำงานร่วมกันได้ยาก สิ่งนี้นำไปสู่มาตรฐานของ Blockchain โดยเริ่มจาก ERC ของ Ethereum อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาการทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้จะต้องใช้สกุลเหรียญคริปโตใหม่ทุกสกุลเพื่อใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งไม่น่ามีจะมีความเป็นไปได้แต่อย่างใด
Polkadot มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Proof of Stake Blockchain ที่สามารถอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูลข้ามเชนแทน เพื่อจัดการกับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น Polkadot ยังได้ใช้ระบบที่ให้ทำธุรกรรมพร้อมกันแบบขนานกัน (Parachains) ฟีเจอร์ทั้งสองนี้ทำให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้นอย่างมากและทำให้ Polkadot เป็นที่นิยม
Polkadot ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งนักลงทุนและนักพัฒนา แม้กระทั่งทุกวันนี้ หลังจากที่ตลาดคริปโตตกต่ำ Polkadot ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งในเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดอยู่นั่นเอง
8. Solana – เครือข่ายสัญญาอัจฉริยะความเร็วสูง
Solana (SOL) เป็นเหรียญ proof of stake Blockchain แบบ Layer 1 ที่ได้รับความนิยมและมีราคาพุ่งแรงในปี 2021 เนื่องจากความแออัดของเครือข่ายที่รุนแรงทำให้นักพัฒนาและผู้ใช้มองหาทางเลือกที่เร็วกว่า ถูกกว่า และประหยัดพลังงานมากกว่าเครือข่าย Ethereum
ตอนที่ Ethereum ดิ้นรนเพื่อจัดการกับปริมาณการทำธุรกรรมในช่วงตลาดขาขึ้นเมื่อปี 2021 โปรเจกต์นี้ก็ได้ออกสู่ตลาดในเวลาที่เหมาะสม โดย SOL มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเพียงไม่กี่ดอลลาร์เป็นมากกว่า $250 ที่จุดสูงสุด โดยการเติบโตนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก Solana รองรับปริมาณงานมหาศาล เวลาชำระบัญชีที่เกือบจะทันที และประสิทธิภาพพลังงานที่สูงขึ้นมากผ่านการใช้กลไก proof of history ที่ไม่เหมือนใคร
แม้ว่า Solana จะเพิ่งประสบกับความผิดพลาดเล็กน้อยเกี่ยวกับการรวมศูนย์และปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ก็ยังเป็นโปรเจกต์ที่ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ซึ่งแม้จะเปิดตัวมาไม่นาน แต่ระบบนิเวศของ Solana ก็เป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ NFT เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า Solana จะเป็นหนึ่งในเหรียญ Proof of Stake ที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับนักลงทุน
9. Avalanche – เหรียญทางเลือกจาก Ethereum ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
มาต่อกันที่เหรียญคริปโตที่พยายามจะเข้ามาแทนที่ Ethereum ซึ่งคือ Avalanche ซึ่งเป็นเครือข่าย Layer 1 ที่ออกแบบมาสำหรับ Blockchain ราคาถูกและรองรับปริมาณงานสูงเพื่อใช้สร้าง dApps
สิ่งที่ทำให้ Avalanche แตกต่างจากเหรียญคริปโตสัญญาอัจฉริยะอื่นๆ คือวิธีที่ใช้ตรวจสอบธุรกรรม แทนที่จะกำหนดให้ทุกโหนดต้องตรวจสอบธุรกรรมทุกรายการ Avalanche ใช้ Blockchain ย่อยสามบล็อก โดยแต่ละบล็อกจะใช้จัดการธุรกรรมประเภทต่างๆ
การส่งและรับเงินโดยตรงบนเครือข่าย Avalanche นั้นได้รับการจัดการโดย Exchange Chain (X-Chain) ธุรกรรมใดๆ ที่สร้างโดยสัญญาอัจฉริยะหรือ dApps จะได้รับการตรวจสอบใน Chain ของสัญญา (C-Chain) และธุรกรรมการ Stake/ตัวตรวจสอบธุรกรรมจะดูแลโดย Platform Chain (P-Chain) เครือข่ายหลักมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของ Blockchain ย่อยเหล่านี้ และกำหนดให้ผู้ Stake ต้องมี AVAX อย่างน้อย 2,000 เหรียญ
Avalanche เป็นอีกโปรเจกต์ที่ค่อนข้างใหม่ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างมากในอุตสาหกรรม ในช่วงตลาดขาขึ้นเมื่อปี 2021 เครือข่าย Avalanche ก็ได้รับความนิยมมากมายจากนักพัฒนาจำนวนมากเข้าร่วม แม้ว่ากระแสจะลดลดลงเล็กน้อย แต่เทคโนโลยียังคงอยู่และ AVAX มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อตลาดฟื้นตัว
10. Algorand – เครือข่ายที่รวดเร็วและยั่งยืน
Algorand (ALGO) เป็นเครือข่ายที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและเป็นหนึ่งในเหรียญ Proof of Stake ที่ดีที่สุดในตลาด พร้อมรองรับฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะที่ให้สามารถพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ได้ด้วยสถาปัตยกรรม Algorand
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมอย่างรวดเร็วและปลอดภัย Algorand ใช้กลไก Proof of stake แบบดัดแปลงที่มีชื่อว่า ‘Pure Proof of Stake (PPoS)’ แม้ว่าจะคล้ายกับกลไก Proof of Stake แบบดั้งเดิม แต่เวอร์ชันของ Algorand จะสุ่มเลือกว่าใครได้เป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจากผู้ Stake ทุกคน สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและทำให้ระบบถูกเจาะได้ยากยิ่งขึ้น
ด้วยกลไกฉัน PPoS ทำให้ Algorand เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ประหยัดพลังงานที่สุดในตลาดอยู่ ด้วยเหรียญคริปโต (โดยเฉพาะกับโปรเจกต์ proof of work) ที่หลายคนไม่ชอบในเรื่องการใช้พลังงานที่มากเกินไป ทำให้ Algorand กลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักลงทุนและอาจเป็นเหรียญคริปโตที่น่าสนใจ
11. Cardano – Blockchain Layer 1 ที่มีความปลอดภัยสูง
Cardano (ADA) อยู่ภายใต้การดูแลของ Charles Hoskinson และถือเป็นเหรียญ Proof of Stake ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดและยังเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตราคาไม่ถึงบาท ที่ดีที่สุดอีกด้วย
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 โปรเจกต์ Cardano ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ยั่งยืนที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดีในตลาด ด้วยการเปิดตัว Alonzo Hard Fork ล่าสุด (เมื่อกันยายน 2021) ทำให้ Cardano กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับ NFT และ dApps ทั้งยังเป็นในโปรเจกต์ที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี และด้วยการอัพเดตเพิ่มเติมที่วางแผนเอาไว้ ก็สามารถคงความนิยมของโปรเจกต์ไว้ได้ต่อไป
ในขณะที่โปรเจกต์คริปโตจำนวนมากถูกพัฒนาอย่างไม่ดีหรือเร่งรีบเกินไป Cardano ได้ตามกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้ไม่มีข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยหรือการใช้ประโยชน์จากโค้ด ด้วยจำนวนการแฮ็คเหรียญคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงดูเหมือนว่า Cardano จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
Cardano ยังคงเป็นโปรเจกต์คริปโตที่ใหญ่ที่สุดและด้วยเหตุผลสนับสนุนที่ดี เพราะมีความปลอดภัยสูง มีทีมที่ยอดเยี่ยม และมีการเพิ่มฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้ว ADA เป็นหนึ่งในเหรียญ Proof of Stake ดีที่สุดในตลาดและควรค่าแก่การพิจารณา
เหรียญ proof of stake คืออะไร ?
แม้ว่าการทำความเข้าใจการรับและส่งข้อมูลบนบล็อคเชนอาจเป็นเรื่องยาก แต่การอ่านคู่มือที่จะเราจะอธิบายกลไกของ proof of stake จะทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เพื่อการทำธุรกรรมบนบล็อคเชนอย่างปลอดภัย แต่ละธุรกรรมต้องได้รับการตรวจสอบโดยโหนด มิฉะนั้น อาจจะมีบางคนที่ใส่ข้อมูลธุรกรรมที่เป็นเท็จลงในบัญชีแยกประเภท ซึ่งจะทำให้ความถูกต้องของเครือข่ายทั้งหมดผิดพลาด
เพื่อให้แน่ใจว่าการทำธุรกรรมถูกต้องตามกฎหมาย คริปโตเคอเรนซี่จะต้องมีระบบฉันทามติต่าง ๆ Proof of stake เป็นหนึ่งในตัวอย่างของระบบเหล่านี้ ที่ให้ผู้ที่มีคริปโตเคอเรนซี่จำนวนหนึ่ง สามารถตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมได้ เพียงแค่ทำการ staking และใช้เป็นหลักประกันเพื่อให้ได้โอกาสในการได้รับรางวัลจากการ Staking
เนื่องจากรางวัลที่ผู้ตรวจสอบจะได้รับ เป็นไปตามสัดส่วนของจำนวนโทเค็นที่มีการ stake กลไกนี้จึงไม่จูงใจผู้ไม่หวังดี เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก นอกจากนี้ การ Stake ไม่ต้องใช้พลังงานในการประมวลผลมากเท่ากับเหรียญ proof of work เช่น Bitcoin เหรียญ proof of stake จึงถูกมองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
แม้ว่าจะมีรูปแบบของเหรียญ pos ที่หลากหลาย (เช่น proof of staked authority, pure proof of stake ฯลฯ) แต่ทั้งหมดล้วนคล้ายคลึงกัน เพราะกำหนดให้นักลงทุนต้อง stake โทเค็นจำนวนหนึ่ง จึงจะสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้
Proof of Work vs Proof of Stake คือ
ระบบฉันทามติที่เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ Proof of Work และ Proof of Stake แม้ว่าทั้งสองจะคล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ Proof of work ใช้พลังงานในการคำนวณเพื่อตรวจสอบธุรกรรม โดยนักขุดจะต้องตั้งค่าคอมพิวเตอร์และแก้ปริศนาคริปโตกราฟฟิค เพื่อยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม โดยทั่วไป จะต้องใช้พลังงาน GPU จำนวนมาก ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้อาจจะเสื่อมเร็ว และต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้ค่อนข้างไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในทางกลับกัน เหรียญ proof of stake จะใช้สำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง โดยการใช้โทเค็นเป็นหลักประกัน ส่งผลให้ระบบสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก และทำให้เป็นเหรียญคริปโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกเหนือจากการปรับปรุงความปลอดภัยและลดการใช้พลังงานแล้ว proof of stake ยังช่วยป้องกันการ centralization ในเครือข่ายของ proof of stake เนื่องจากมีผู้ให้บริการขุดเหมืองค่อนข้างน้อย แม้ว่าสิ่งนี้จะฟังดูดี แต่สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกตคือ เนื่องจากต้นทุนเริ่มต้นที่สูงขึ้นจากการทำ proof of stake บล็อคเชน ทำให้เครือข่ายนี้มักจะตกเป็นของผู้ที่มีเงินทุนสำรองจำนวนมาก
โดยรวมแล้ว แม้ว่าระบบฉันทามติทั้งสองจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีทำแตกต่าง เนื่องจากปริมาณคริปโตเคอเรนซี่ที่เพิ่มขึ้น และระบบการตรวจสอบการใช้พลังงานที่ละเอียดมากขึ้น จึงดูเหมือนว่า ในอนาคตจะต้องพึ่งพาระบบ proof of stake มากกว่า
เหรียญ proof of stake เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ ?
เนื่องจากมีเหรียญ proof of stake ที่แตกต่างกันมากมายในตลาด และบางเหรียญก็เป็นการลงทุนที่ดีกว่าแบบอื่น อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสำคัญบางประการที่เหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดต้องมี
ความยั่งยืน
สื่อมักตอกย้ำว่าคริปโตเคอเรนซี่เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการใช้พลังงานสูง ทำให้เหรียญ proof of stake ดูน่าสนใจมากกว่า เหรียญ proof of work ในขณะที่บล็อคเชน pow ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีโอกาสเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนระบบ pos ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง แต่เมื่อลงทุนเสร็จสรรพแล้วก็สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดที่พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างตลาดคริปโต เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก
เทคโนโลยีที่เหนือกว่า
ระบบ proof of work อย่าง Bitcoin ได้รับความนิยมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่า Bitcoin จะเปิดตัวในปี 2011 และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม Proof of Stake เป็นแนวคิดที่ใหม่กว่ามาก ซึ่งหมายความว่าสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงคริปโตกราฟฟิค และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งนี้ proof of stake ก็ยังเป็นการลงทุนระยะยาวที่ยอดเยี่ยม
มุ่งสู่อนาคต
จากข้อมูลก่อนหน้านี้ คริปโตเคอเรนซี่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สำหรับโครงการที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งในตลาด proof of stake ถือเป็นอนาคตของการตรวจสอบความถูกต้องทางธุรกรรม Ethereum ถือเป็นเหรียญคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ซึ่งในไม่ช้าจะย้ายไปเป็นระบบ proof of stake รวมถึงทุกโปรเจกต์คริปโต ERC ด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงมีแนวโน้มว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเหรียญ pos มากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดูคำแนะนำของเราเกี่ยวกับเหรียญคริปโตในอนาคต
วิธีซื้อเหรียญ proof of stake
เพื่อให้การซื้อเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดเป็นเรื่องง่าย เราได้สรุปขั้นตอนทั้งหมดไว้ด้านล่างนี้
ขั้นตอนที่ 1: เปิดใช้กระเป๋าเงินคริปโต
ขั้นตอนแรกคือการสร้างกระเป๋าเงินคริปโตที่รองรับโทเค็น ERC20 และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการขายพรีเซลของ Bitcoin ETF Token
ตัวอย่างเช่น MetaMask หรือ Wallet Connect ถือเป็นตัวเลือกกระเป๋าเงินยอดนิยม ที่สามารถดาวน์โหลดเพื่อเข้าถึงการขายพรีเซลได้
ขั้นตอนที่ 2: ซื้อโทเค็น ETH/USDT
ก่อนซื้อ $BTCBSC นักลงทุนต้องซื้อ Ethereum, BNB, หรือ USDT ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นโทเค็น $BTCETF ได้ นักลงทุนต้องซื้อหนึ่งในคริปโตเคอเรนซี่เหล่านี้จากกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่เหมาะสม และโอนกลับไปยังกระเป๋าเงินคริปโตของคุณ หรือผู้ใช้จะซื้อ $BTCETF ด้วยบัตรเครดิตก็ได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อกระเป๋าเงินกับแพลตฟอร์มการขายพรีเซล BTC20
ไปที่เว็ปไซต์ Bitcoin ETF Token และคลิกที่ ‘Connect Wallet’
เลือกกระเป๋าเงินคริปโตของคุณ และเชื่อมต่อกับการขายรอบพรีเซลของ BTC20
ขั้นตอนที่ 4: ซื้อโทเค็น $BTCETFBTCBSC
เมื่อเชื่อมต่อกระเป๋าเงินแล้ว ให้คลิกที่ ‘ซื้อ BTCETFBTCBSC ด้วย ETH/USDT‘ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่คุณถืออยู่
กรอกจำนวน BTCETFBTCBSC ที่คุณต้องการซื้อ และคลิกที่ ‘Convert ETH’ หรือ ‘Convert USDT’ และคุณจะได้รับโทเค็นหลังจากการขายพรีเซลสิ้นสุดลง
บทสรุป
ในบทความนี้ เราได้พิจารณาบรรดาเหรียญ proof of stake ที่ดีที่สุดที่มีในปัจจุบัน และอธิบายว่าเหรียญ pos แตกต่างจากเหรียญอื่น ๆ อย่างไร โดยการอธิบายกลไกการทำงานอย่างละเอียด
ระหว่างการศึกษาของเรา เราพบว่ามีหนึ่งเหรียญที่โดดเด่นในด้านของโอกาสการเติบโตสูง Bitcoin ETF Token เป็นหนึ่งในเหรียญ Pre-sale ที่กำลังมาแรงและกำลังเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อเหรียญได้ในราคา 0.005 ดอลลาร์ โดยให้ผลตอบแทนกว่า 900% ต่อปีโดยประมาณ ทั้งยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระดับสูง พร้อมระดมทุนได้แล้วกว่า 230,000 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียงสี่วัน